บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 755

บทที่ 755 เผชิญหน้า

บทที่ 755 เผชิญหน้า

หลังจากผ่านไปราวหนึ่งก้านธูป เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นจากด้านนอกโถงพินิจกระบี่ ทำให้จิตวิญญาณของทุกคนในห้องโถงตื่นตัว และพร้อมใจกันหันไปมองอย่างพร้อมเพรียง

ขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงวัน ดวงตะวันทอแสงเจิดจ้าเป็นวงกว้าง ดังนั้นร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามาจึงอาบไล้ด้วยแสงตะวัน ร่างของคนผู้นี้กระทุ้งตรงดุจคันทวน เขาเดินด้วยฝีเท้าที่มั่นคงราวกับเป็นหนึ่งเดียวกับโลก และสะท้อนกับมหาเต๋าในขณะที่เคลื่อนไหว ยิ่งกว่านั้น ท่าทางของชายหนุ่มนั้นยังยิ่งใหญ่และไม่ธรรมดา …ซึ่งคนผู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือเฉินซีนั่นเอง!

เมื่อเห็นร่างที่คุ้นเคย เลี่ยเผิงก็อดไม่ได้ที่จะเผยความชื่นชมในสายตาของเขา เวลาผ่านไปเพียงปีเศษ แต่ศิษย์ที่ผู้อาวุโสหลิ่วพากลับมาคนนี้กลับมี ‘อิทธิพลและอำนาจ’ เป็นของตัวเองแล้ว …ทว่าในอดีตใครจะจินตนาการถึงสิ่งนี้ได้กัน?

ผู้บ่มเพาะทั้งหมดของเขาวิญญาณนิรันดร์ต่างมีสีหน้าซับซ้อน

เมื่อเจ็ดวันก่อน การปรากฏตัวของเฉินซีอาจกล่าวได้ว่าทิ้งความประทับใจอันไม่อาจลืมเลือนไว้ในใจพวกเขา ทำให้ทุกคนได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า อัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ไม่ได้มีอยู่แค่ในนิกายสรวงสวรรค์เปล่าเปลี่ยวเท่านั้น นอกจากนี้ยังทำให้ศิษย์เขาวิญญาณนิรันดร์เข้าใจว่า พวกเขาไม่ควรประเมินบรรดาผู้กล้าหาญในโลกนี้ต่ำเกินไป ไม่ว่าจะเป็นเวลาหรือโอกาสใดก็ตาม!

เฉินซีเข้าไปในห้องโถง เขาตรงเข้าไปคารวะทักทายเลี่ยเผิง ก่อนจะมอบคัมภีร์เต๋านิรันดร์คืนให้

“เฉินซี เจ้าเข้าใจความลึกล้ำของความเป็นนิรันดร์ภายในเจ็ดวันที่ผ่านมาได้หรือไม่?” หลังจากมอบคัมภีร์คืนให้กับไป๋หลี่เยียนแล้ว ชายชราก็อดไม่ได้ที่จะถาม

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกกล่าวออกไป สายตาของทุกคนต่างก็จับจ้องไปยังเฉินซีอย่างพร้อมเพรียงกัน สีหน้าของพวกเขาพากันแสดงความกังวลใจเล็กน้อย เพราะคำตอบของเฉินซีจะเป็นตัวกำหนดผลการเดิมพัน และตัดสินความเป็นเจ้าของสมบัติอมตะ ฉะนั้นพวกเขาจะไม่ประหม่าได้อย่างไร?

ชายหนุ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในบรรยากาศได้อย่างเฉียบพลัน แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ เพียงไตร่ตรองชั่วครู่ก่อนที่จะตอบกลับ “ข้าพอจะเข้าใจคร่าว ๆ แล้ว”

ดวงตาของเลี่ยเผิงสว่างวาบทันที เขาปรบมือในขณะที่หัวเราะเสียงดัง “วิเศษ! วิเศษ! วิเศษมาก! สมกับเป็นศิษย์ที่น่าทึ่งและพิเศษที่สุดของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองของเรา ความสามารถในการทำความเข้าใจดังกล่าว ถือว่าน่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง!”

ใบหน้าของทุกคนจากเขาวิญญาณนิรันดร์พลันเผยให้เห็นถึงความไม่เชื่อ เขาเข้าใจความลึกล้ำของความเป็นนิรันดร์ได้ในเจ็ดวัน? นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน!?

เพราะแม้แต่ลู่ผิงก็ยังเหน็ดเหนื่อยเป็นเวลากว่าหนึ่งปีเพื่อทำความเข้าใจความลึกล้ำของความเป็นนิรันดร์ และมันก็อยู่ภายใต้การชี้แนะของผู้อาวุโสจากนิกายด้วยซ้ำ

แต่สิ่งนี้ก็ทำให้เขาวิญญาณนิรันดร์ปั่นป่วนไปหมด ในขณะที่ลู่ผิงได้กลายมาเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ชั้นนำที่มีชื่อเสียงไปทั้งนิกาย!

แต่ในตอนนี้เฉินซีกลับกล่าวออกมาว่า เขาสามารถเข้าใจความลึกล้ำของความเป็นนิรันดร์ได้ภายในเจ็ดวัน …แล้วจะไม่ให้พวกเขามองว่ามันเป็นเรื่องตลกไร้สาระได้อย่างไร?

“เป็นไปไม่ได้! มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?”

“เพราะแม้แต่ปราชญ์โดยกำเนิดก็คงไม่สามารถบรรลุสิ่งนี้ได้!”

ใบหน้าของทุกคนที่จ้องมองไปยังเฉินซีค่อย ๆ เปลี่ยนจากความสงสัยกลายเป็นท่าทางดูถูกเหยียดหยาม เพราะพวกเขาคิดว่าอีกฝ่ายโกหก

ทว่าชายหนุ่มกลับทำตัวเฉยเมยกับท่าทีเหล่านี้ เขาเพียงป้องมือคำนับให้กับเลี่ยเผิง ก่อนตั้งใจจะจากไป

“ช้าก่อน!” ไป๋หลี่เยียนโพล่งขึ้น จากนั้นนางพลันยืนขึ้นและเดินไปที่ด้านข้างของเฉินซี ก่อนจะจ้องมองไปยังดวงตาของชายหนุ่มแล้วกล่าวว่า “เจ้าเข้าใจเต๋ารู้แจ้งนิรันดร์จริง ๆ หรือ?”

เฉินซีขมวดคิ้วขณะที่จ้องมองหญิงสาวคนนี้ จากนั้นชายหนุ่มจึงตอบกลับด้วยคำถาม “กระหม่อมจำเป็นต้องพิสูจน์ให้พระองค์เห็นด้วยหรือ?”

หญิงสาวยิ้มบางและกล่าวช้า ๆ “ไม่แน่นอน แต่ถ้าเจ้าไม่สามารถพิสูจน์ได้ ผู้อาวุโสเลี่ยเผิงก็จะสูญเสียสมบัติอมตะ เจ้าคงรับผิดชอบเรื่องนี้ไม่ได้กระมัง?”

แน่นอนว่า นางย่อมไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะสามารถเข้าใจเต๋ารู้แจ้งนิรันดร์ได้ภายในเจ็ดวัน เพราะตัวนางได้ดัดแปลงเนื้อหาของคัมภีร์เต๋านิรันดร์ และแม้แต่เซียนสวรรค์ก็ต้องใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีเพื่อทำความเข้าใจ ก็ยังมิอาจเข้าใจได้ทั้งหมด แล้วจะนับประสาอะไรกับเฉินซี?

แม้นางจะยอมถอยให้ ทั้งยังมอบคัมภีร์เต๋านิรันดร์ที่แท้จริงให้แก่เฉินซีเพื่อทำความเข้าใจ แต่เขาจะเข้าใจมันได้ภายในเจ็ดวันได้อย่างไร?

ดังนั้นนางจึงเชื่อมั่นว่า ชายหนุ่มจะต้องโกหกอย่างแน่นอน!

เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ ในใจของไป๋หลี่เยียนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “นึกไม่ถึงว่า ชายหนุ่มที่โดดเด่นเช่นนี้จะมีนิสัยชอบโป้ปด ในโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบจริง ๆ”

แต่การตำหนิเล็กน้อยย่อมไม่อาจบดบังความงามของหยกได้ นางยังคงชื่นชมเฉินซีเป็นอย่างมาก และไม่คิดจะล้มเลิกความตั้งใจที่จะรับเขามาอยู่ภายใต้บัญชา ถึงขนาดที่นางคิดหาวิธีอันยอดเยี่ยมเพื่อตอบโต้นิสัยโป้ปดของเฉินซี!

เพราะอย่างไรแล้ว คนที่ชอบโป้ปดก็คือคนที่ให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรี และนั่นหมายความว่าคนผู้นั้นจะมีความภาคภูมิใจมากกว่าคนอื่น ๆ และอาจถึงขนาดเสแสร้งเล็กน้อยด้วยซ้ำ ทว่าตราบใดที่จัดการกับคนเช่นนี้ได้อย่างเหมาะสม ทุกอย่างหลังจากนั้นก็จะสำเร็จได้อย่างง่ายดาย!

เฉินซีไม่รู้ว่าความคิดมากมายได้ผุดขึ้นมาในจิตใจขององค์หญิงไป๋หลี่ในขณะนี้ เขาเพียงจ้องมองนางอย่างว่างเปล่า ก่อนจะมองไปยังผู้อาวุโสเลี่ยเผิง

เลี่ยเผิงพลันขมวดคิ้วแทน จากนั้นจึงมองไปที่หญิงสาว “องค์หญิง เนื่องจากเฉินซีได้กล่าวอย่างชัดเจนว่า เขาได้เข้าใจเต๋ารู้แจ้งนิรันดร์แล้ว เช่นนั้นก็หมายความว่าข้าได้ชนะการเดิมพันนี้ แล้วเหตุใดต้องพิสูจน์อีก? หรือท่านคิดว่าคำพูดของเฉินซีเป็นเรื่องโกหกหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เฉินซีก็พอเข้าใจทุกอย่างคร่าว ๆ และก็อดไม่ได้ที่จะขบขันในใจ เดิมทีชายหนุ่มคิดว่าการทำให้องค์หญิงไป๋หลี่พ่ายแพ้ครั้งล่าสุด จะถือว่าได้ให้บทเรียนครั้งใหญ่แก่นางแล้ว แต่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่านางจะเสพติดการเดิมพัน จนกล้าวางเดิมพันกับผู้อาวุโสเลี่ยเผิงอีกครา!

…แต่นี่ก็ฉายชัดถึงความถือดีในศักดิ์ศรีไปจนถึงกระดูกดำของหญิงสาว นางมีความมั่นใจและความปรารถนาที่จะควบคุมทุกสิ่ง และเมื่อเชื่อมั่นในบางสิ่งแล้ว ความกล้าบ้าบิ่นของนางก็จะยิ่งใหญ่จนถึงขั้นวิกลจริต!

แน่นอนว่า ไป๋หลี่เยียนย่อมเต็มไปด้วยความมั่นใจ ในขณะที่นางยืนกรานว่า “เหตุใดคำพูดของเฉินซีต้องเป็นความจริงเสมอ?”

ชายชราพลันขมวดคิ้ว ในใจของเขารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก และกะทั่งกล้าทุบอกรับประกันว่า เฉินซีจะไม่หลอกลวงตนอย่างแน่นอน แต่เมื่อเลี่ยเผิงคิดว่าองค์หญิงไป๋หลี่อาจไม่เชื่อ แม้ว่าตนจะรับรองก็ตาม …หากเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง มันจะเป็นช่วงเวลาที่น่าอับอายอย่างแน่นอน!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]