บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 759

บทที่ 759 คุยโวโอ้อวด

บทที่ 759 คุยโวโอ้อวด

ตึง! ตึง!

เสียงฝีเท้าที่ไม่เร็วหรือช้าดังขึ้นจากนอกห้องโถง ให้ความรู้สึกถึงความสงบและจังหวะแห่งมหาเต๋า

ตอนนี้ สายตาของทุกคนภายในห้องโถงต่างหันมองออกไป

“ปิงซื่อเทียนแห่งนิกายวิถีกระแสสวรรค์มาเยี่ยมเยียนสหายเต๋าแห่งนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง” ร่างของอีกฝ่ายยังมาไม่ถึง แต่เสียงของเจ้าตัวกลับเข้ามาในห้องโถงแล้ว

เสียงของเขาเปี่ยมด้วยความมั่นใจและจิตวิญญาณอันสูงส่ง ทำให้รู้สึกได้ถึงความไม่ธรรมดา จนไม่กล้าที่จะคิดดูถูก

สีหน้าของผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีในห้องโถงต่างกลายเป็นจริงจังขึ้นมา เพราะเมื่อเปรียบเทียบสถานะกันแล้ว แม้พวกเขาจะเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของภพมนุษย์ แต่เห็นได้ชัดว่าก็ยังด้อยกว่านัก เมื่อเผชิญหน้ากับเซียนสวรรค์จากภพเซียนอย่างปิงซื่อเทียน

หนึ่งคือเซียนปฐพี อีกหนึ่งคือเซียนสวรรค์ ความแตกต่างระหว่างสวรรค์และปฐพีนี้ราวกับช่องว่างขนาดมหึมาที่อยู่ระหว่างภพเซียนกับภพมนุษย์!

แต่ถึงอย่างไรนี่ก็คือดินแดนของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง มีผู้อาวุโสเก่าแก่จำนวนมากที่เก็บตัวบ่มเพาะเดินทางมายังห้องโถงนี้ ส่วนปิงซื่อเทียนเป็นแขก ดังนั้นพวกเขาทั้งสองฝั่งย่อมมีสถานะและตัวตนไม่ด้อยกว่ากันเท่าไร

เสียงแจ่มชัดยังคงลอยผ่านห้องโถง เมื่อร่างดูดีมีเสน่ห์สาวเท้าเข้ามา คนผู้นี้สวมเพียงชุดเรียบ รูปลักษณ์หล่อเหลา ดวงตาเปี่ยมด้วยวงแหวนแสงสว่างจำนวนมากที่ดูเลือนรางราวกับไม่ใช่ของจริง ปราณเซียนกำลังเอ่อล้นออกมา

ระหว่างที่เข้ามา บรรยากาศพลันอบอวลด้วยกลิ่นหอมสดชื่นราวกับน้ำค้างที่ทำให้หัวใจชื่นบาน ส่งผลให้จิตวิญญาณพลอยรู้สึกดีตามไปด้วย

เขาไม่ได้เปิดเผยพลังที่มีมากมายมหาศาล แต่ทันทีที่เข้ามาภายในห้องโถง ทุกสิ่งที่อยู่ข้างในก็ตกอยู่ในความเงียบสงัด มีเพียงความรู้สึกนิ่งงัน สงบและเป็นระเบียบ

ราวกับเขามาพร้อมกับกฎเกณฑ์!

คนผู้นี้ย่อมเป็นปิงซื่อเทียน ตัวตนยิ่งใหญ่จากภพเซียนที่เคลื่อนลงมาสู่ภพมนุษย์ ถึงแม้เขาจะเป็นเพียงร่างจำแลงเซียนสวรรค์ แต่เจ้าตัวก็ถือครองประกาศิตของภพเซียนเอาไว้ ดังนั้นจึงไม่ต่างจากราชทูตแห่งภพเซียนมาเยือน ทำให้ทั้งสถานะและตัวตนของคนผู้นี้สูงส่งยิ่งนัก

ทันทีที่ปิงซื่อเทียนเดินเข้ามาในห้องโถง สายตาของอีกฝ่ายไม่ได้เหลียวซ้ายแลขวา ทว่าตรงไปที่ใจกลางทันที ก่อนประสานมือให้กับเวินหัวถิงที่นั่งตำแหน่งประมุขแล้วกล่าวว่า “ข้าขอโทษด้วยที่สร้างปัญหาให้กับท่าน แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้รับการต้อนรับยิ่งใหญ่จากนิกายอันทรงเกียรตินี้ ช่างรู้สึกปลื้มปริ่มกับความคาดไม่ถึงนี้ยิ่งนัก”

ในขณะเดียวกัน เวินหัวถิงก็ยืนขึ้นเช่นกัน เขาเผยรอยยิ้มอบอุ่นก่อนกล่าวว่า “ราชทูตปิง เชิญนั่งลงก่อน”

ปิงซื่อเทียนเผยรอยยิ้มเช่นกัน ก่อนนั่งลงด้านข้างอีกฝ่าย เขาเผยความรู้สึกที่ ‘อยู่ในระดับเดียวกัน’ ออกมา นอกจากนี้ ยังมีศิษย์รินชาให้จากด้านข้างด้วย

หลังจากนั่งลง เจ้าตัวเพียงเงยหน้าแล้วปรายตามองเฉินซีที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ตัวสุดท้ายใต้ตำแหน่งประมุข การเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ไหลรื่นราวกับสายน้ำไหล ไม่มีกลิ่นอายคุกคามแม้แต่นิดเดียว

แต่สายตาของเขากลับตกตะลึงเมื่อเห็นเสวี่ยเหยียนยืนอยู่ด้านหลังเฉินซีด้วยความเคารพ

“ข้าขอทราบได้หรือไม่ว่าทำไมราชทูตปิงถึงมาในครั้งนี้?” เวินหัวถิงเอ่ยถามพลางเน้นคำว่า ‘ราชทูต’ เป็นการบอกปิงซื่อเทียนว่าที่ให้ความเคารพเป็นเพราะเขาคือราชทูตของภพเซียน จึงมีการต้อนรับยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ฉะนั้นหากมาเพราะเรื่องของนิกายวิถีกระแสสวรรค์ มันก็จะต่างออกไป

แน่นอนว่า ตัวตนระดับปิงซื่อเทียนย่อมเข้าใจความหมายที่ซ่อนเร้นนี้ เขาพยักหน้าแล้วตอบว่า “ข้าต้องลงมาทำธุระระแวกนี้ จึงแวะมาบอกเรื่องเล็กน้อยกับท่านเสียหน่อย”

เวินหัวถิงกล่าวว่า “เชิญว่ามาได้เลย”

ปิงซื่อเทียนยิ้มแล้วกล่าวว่า “ระหว่างทางมานิกายทรงเกียรติในครั้งนี้ ข้าได้ผ่านสถานที่ที่พวกปีศาจอาศัยอยู่ ซึ่งข้าได้เผชิญหน้ากับศิษย์บางส่วนจากนิกายของท่านที่เผชิญกับภัยพิบัติอันน่าเวทนาเข้า ดังนั้นข้าจึงยื่นมือเข้าช่วยก่อนพาพวกเขามาด้วย”

ขณะพูด ปิงซื่อเทียนสะบัดแขนเสื้อ ทำให้ปราณเซียนวูบไหวก่อนมีร่างจำนวนหนึ่งจะปรากฏขึ้น เป็นชายสี่หญิงหนึ่ง พวกเขาคือศิษย์พี่ของเฉินซี หลูเซิง ศิษย์พี่สามอี้เฉินจื่อ ศิษย์พี่สี่ต้วนอี้ ศิษย์พี่ห้าอาจิ่ว และศิษย์พี่หกชิงอวี่

ทุกคนภายในห้องโถงตกตะลึงเมื่อเห็นพวกเขาห้าคน ด้วยถึงแม้จะทราบตั้งแต่ต้นว่าปิงซื่อเทียนมาหาเพราะเสวี่ยเหยียน ทำให้ต้องคืนศิษย์จากนิกายให้อย่างแน่นอน แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะถึงกับเตรียมพร้อมส่งมอบให้

ยิ่งกว่านั้น อีกฝ่ายยังโกหกหน้าตาเฉย ดังนั้นหากพวกเขาไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ คงอาจจะถูกหลอกไปแล้วจริง ๆ

เทียบกับการตอบสนองของเหล่าผู้อาวุโสจากนิกายเหล่านี้แล้ว เฉินซีกลับตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด หากไม่คิดถึงสภาพแวดล้อม เขาย่อมพุ่งเข้าหาศิษย์พี่ทั้งหลายไปนานแล้ว

แต่แล้วชายหนุ่มก็เป็นต้องสับสน เพราะถึงแม้พวกเขาจะยืนอยู่ตรงกลางห้องโถง ทว่าทุกคนกลับมีสีหน้าเหม่อลอยไร้สติ และถึงขนาดที่ว่าพวกเขาหลงลืมทักทายผู้อาวุโสของนิกาย

“พวกเขาห้าคนได้รับผลจากเคล็ดวิชามายา ข้าช่วยเหลือพวกเขาไว้แล้ว คาดว่าไม่เกินหนึ่งวันก็คงจะได้สติ” ขณะพูด ปิงซื่อเทียนได้ชำเลืองมองเฉินซีโดยไม่รู้ตัว

ซึ่งชายหนุ่มเองก็เงยหน้าขึ้นเพื่อสบตาของปิงซื่อเทียนเช่นกัน พวกเขาจ้องสักพักก่อนละสายตาไป

ตอนนี้ เฉินซีคล้ายสงบยิ่งนัก ไม่มีความผันผวนทางความรู้สึกจากคำโกหกน่าขันที่ปิงซื่อเทียนกล่าวขึ้นมาแม้แต่น้อย นั่นเพราะชายหนุ่มรู้ว่าจะเปิดเผยจุดอ่อนตอนเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ไม่ได้

นี่ยังเป็นเหตุผลที่เหตุใดเขาจึงนั่งทำสมาธิอย่างเงียบงันมาสามวันโดยไม่คิดหรือทำอะไร …ด้วยชายหนุ่มต้องการปลดปล่อยตัวเองเพื่อทำให้ดวงจิตแห่งเต๋าสงบลงอย่างสมบูรณ์!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]