บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 770

บทที่ 770 วิญญาณโลหิตฉยงฉี

บทที่ 770 วิญญาณโลหิตฉยงฉี

ฟู่! ฟู่!

นี่เป็นวัตถุประหลาดที่มีขนาดเท่าไข่ไก่และมีสีแดงสนิม ซึ่งดูเหมือนกับโลหะแต่ก็ไม่ใช่โลหะ ดูเหมือนหยกแต่ก็ไม่ใช่หยก และพื้นผิวของมันก็มีปราณโลหิตหนาแน่นอาบไล้อยู่โดยรอบ พร้อมกับเปล่งเสียงฟู่ ๆ ของการกัดกร่อนออกมา

พอฟังดี ๆ มันคล้ายกับเสียงของชิ้นส่วนโลหะกำลังถูกกัดกร่อน และได้แผ่กระจายความผันผวนที่ทำให้ใจสั่นไหวออกมา

วัตถุชิ้นนี้ถูกทิ้งไว้โดยชายในชุดคลุมโลหิตหลังจากตายตก และเกิดเป็นหลุมลึกเมื่อวัตถุประหลาดนี้หล่นกระแทกเข้ากับพื้นดิน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงน้ำหนักอันมากมายของมัน

ในขณะนี้ เฉินซีได้ถือมันไว้กลางอากาศเหนือมือของเขา กำลังตรวจสอบมันอย่างระมัดระวัง

“ช่างแปลกยิ่งนัก เส้นปราณโลหิตเหล่านี้กลับผสานเข้าด้วยกัน และเกิดเป็นค่ายกลยันต์อักขระแปลกประหลาด ซึ่งประทับความลึกล้ำไว้ในวัตถุนี้ การจะกำจัดปราณโลหิตนี้ด้วยวิธีการธรรมดาทั่วไปจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลย”

เฉินซีรู้สึกประหลาดใจ เขาสังเกตเห็นในปราดเดียวว่า เส้นปราณโลหิตบนพื้นผิวของวัตถุชิ้นนี้ควบแน่นเหมือนกฎเกณฑ์ พวกมันดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่แท้จริงแล้วกลับอัดแน่นมาก จนเกิดเป็นค่ายกลยันต์อักขระ ที่ทำให้สิ่งนี้แข็งแกร่งและควบแน่นมากยิ่งขึ้น และด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเฉินซี จึงไม่อาจบดขยี้มันได้ง่ายดายนัก

แน่นอนว่าหากชายหนุ่มใช้พลังมากกว่านี้ มันก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

เนื่องจากวัตถุแปลกประหลาดสีแดงโลหิตนี้มาจากชายในชุดคลุมโลหิต มันจึงถือเป็นสมบัติประเภทหนึ่ง ยิ่งกว่านั้น มันยังเป็นสิ่งเดียวที่ชายคนนั้นเหลือทิ้งไว้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงรู้สึกเสียดายเกินกว่าจะทำลายมัน

ทันใดนั้น ประกายแห่งความคิดพลันเกิดขึ้นในใจของเฉินซี ในขณะที่เขานึกถึงผลอันน่าอัศจรรย์ของน้ำพุใต้พิภพ แต่หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็ละทิ้งความคิดนี้ไปชั่วคราว เพราะหากล้มเหลว วัตถุชิ้นนี้ก็จะถูกทำลาย ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าสำหรับเขาที่จะดูว่าวิญญาณโลหิตตนอื่นครอบครองสมบัติเช่นนี้หรือไม่ และมันก็ไม่สายเกินไปที่จะตัดสินใจในตอนนั้น

หลังจากกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เฉินซีก็รุดหน้าขึ้นไปอีกครั้ง

การต่อสู้กับชายในชุดคลุมโลหิตทำให้ความมั่นใจของเฉินซีเพิ่มขึ้นมาก และเขาสามารถระบุได้อย่างคร่าว ๆ ว่าความแข็งแกร่งในปัจจุบันของตน ย่อมมากพอที่จะเอาชนะผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีระดับหนึ่งทั่วไปได้อย่างง่ายดาย

ทว่าชายหนุ่มไม่รู้ว่าขีดจำกัดของตนเองอยู่ที่ใด แต่เขาก็ตั้งตารอมันจริง ๆ

เฉินซีก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง

หลังจากผ่านไปราวหนึ่งก้านธูป เขาก็หยุดเคลื่อนไหว และรู้สึกงุนงงเล็กน้อย ‘วิญญาณโลหิตในถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิตชั้นที่ห้าสิบหกนี้ดูจะหาได้ยากมาก นอกจากชายในชุดคลุมโลหิตที่ข้าพบก่อนหน้านี้แล้ว จนถึงตอนนี้ข้าก็ยังไม่พบตนอื่นเลย’

นี่ถือเป็นเรื่องผิดปกติมาก เพราะตามความเข้าใจที่เกี่ยวกับถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิตของเขา แม้ว่าความแข็งแกร่งของวิญญาณโลหิตจะเพิ่มขึ้น ในขณะที่จำนวนของพวกมันลดลงเมื่อเข้าไปข้างในมากขึ้น แต่มันน่าจะไม่ควรลดลงขนาดนี้

‘ที่นี่เกิดเรื่องอันใดกัน?’

‘หรือว่าที่นี่มีใครบางคนกำลังขัดเกลาตัวเองอยู่ก่อนที่ข้าจะมาถึง?’

เฉินซีขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกลายเป็นลำแสงพุ่งทะยานไปยังชั้นถัดไป

ณ ชั้นที่ห้าสิบเจ็ด

เมื่อเฉินซีเข้าสู่ชั้นนี้ เขาก็โคจรปราณแท้ในทันที เพราะแรงกดดันของที่นี่นั้นมากกว่าชั้นที่ห้าสิบหกถึงสองเท่า ทำให้ร่างกายของชายหนุ่มรู้สึกหนักอึ้ง ราวกับแบกภูเขาลูกมหึมาไว้บนบ่า และมันก็หนักอย่างยิ่ง

เฉินซีกำลังผ่อนลมหายใจออกทางปาก ก่อนที่จะสลายแรงกดดัน แต่ปากที่เพิ่งเปิดของเขาก็ต้องปิดลงทันที เพราะชายหนุ่มเกรงว่าการผ่อนลมหายใจออก อาจทำให้แรงดันภายในและภายนอกของร่างกายไม่สมดุล ซึ่งจะทำให้หน้าอกถูกกดทับทันทีและได้รับบาดเจ็บ

ชายหนุ่มกวาดสายตามองพื้นที่โดยรอบ และสังเกตได้ทันทีว่า หากไม่ได้ใช้เนตรเทวะแห่งความจริง เขาจะตรวจสอบพื้นที่รอบข้างได้เพียงสามลี้เท่านั้น เพราะจิตสัมผัสเทพของเขาถูกจำกัดมากขึ้นที่นี่

การค้นพบนี้ทำให้เฉินซีระมัดระวังมากยิ่งขึ้น

ตามการคาดการณ์ของเฉินซี ขณะที่เขาเคลื่อนตัวลึกเข้าไปในถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิต แรงกดดันจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในทุกชั้น และข้อจำกัดที่ส่งผลต่อจิตสัมผัสเทพก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

บางทีอาจมีเพียงผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีที่เข้าใจญาณเทวะอมตะเท่านั้น จึงสามารถตรวจสอบทุกสิ่งที่นี่ได้

เหนือกว่าจิตสัมผัสเทพก็คือ ญาณเทวะอมตะ!

ไม่ว่าใครก็สามารถเข้าถึงได้ หลังจากผ่านทัณฑ์สวรรค์อัสนีครามระลอกที่หนึ่งของขอบเขตเซียนปฐพี …และมันทรงพลังยิ่งกว่าจิตสัมผัสเทพนัก แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ ญาณเทวะอมตะนั้นสามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของกฎแห่งเต๋าสวรรค์ได้แล้ว!

เช่นเดียวกับจิตสัมผัสเทพของผู้บ่มเพาะ ซึ่งสามารถใช้เพื่อทำความเข้าใจความล้ำลึกของเต๋าแห่งสวรรค์ ญาณเทวะอมตะของผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพี ก็สามารถสัมผัสและรับรู้ถึงกฎแห่งเต๋าสวรรค์ได้เช่นกัน!

สิ่งนี้นับเป็นเรื่องปกติมากที่จิตสัมผัสเทพจะถูกจำกัดไว้ที่นี่ เพราะถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิตชั้นที่ห้าสิบห้า เป็นสถานที่ที่มีเพียงผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีเท่านั้นจึงจะเข้าถึงได้ ดังนั้นข้อจำกัดที่ผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายาต้องเผชิญ หลังจากเข้ามายังชั้นนี้จะต้องทนทุกข์ทรมานเป็นเท่าตัว!

สิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการบ่มเพาะหรือพลังการต่อสู้ แต่เป็นเพียงข้อจำกัดของขอบเขตการบ่มเพาะเท่านั้น

แม้ว่าเฉินซีในตอนนี้จะสามารถจัดการกับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีระดับหนึ่งได้อย่างง่ายดาย แต่เนื่องจากเขาถูกจำกัดจากขอบเขตการบ่มเพาะ ผลกระทบของสถานที่นี้จึงเพิ่มขึ้นอย่างมากไปโดยปริยาย

เมื่อเข้าใจทั้งหมดนี้แล้ว ชายหนุ่มก็เริ่มเคลื่อนไปยังระยะไกล และยังคงระแวดระวังต่อสิ่งรอบข้าง ในขณะที่สัมผัสได้ถึงผลกระทบจากแรงกดดันรอบข้างที่มีผลต่อตนเอง

“ช่างช้ายิ่งนัก!” เขาสังเกตได้อย่างรวดเร็วว่า ปราณแท้ในร่างกายของตนโคจรช้าลงอย่างเห็นได้ชัด

ในอดีต เมื่อเฉินซีใช้เคล็ดวิชาบ่มเพาะ ปราณแท้ในร่างกายจะโคจรด้วยความเร็วสูงสุด เหมือนแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวกรากอย่างบ้าคลั่ง แต่ในขณะที่ชายหนุ่มอยู่ในชั้นที่ห้าสิบเจ็ดของถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิต ความเร็วในการโคจรของปราณแท้ได้ลดลงไปมากกว่าสามเท่า ทำให้ทุกย่างก้าวของเขาทำได้ยากยิ่ง ราวกับว่าเส้นลมปราณตีบตัน

“ไม่ว่าร่างกาย จิตวิญญาณ หรือปราณแท้ของข้า ล้วนถูกสะกด ดังนั้นหากข้าบ่มเพาะอยู่ที่นี่ บางทีข้าอาจกระตุ้นศักยภาพของข้าได้มากมายทีเดียว…” เฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และตระหนักได้อย่างราง ๆ ว่า แรงกดดันของถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิตนี้อาจมีผลกระทบบางอย่างต่อการบ่มเพาะ!

หากใช้แรงกดดันถึงระดับสูงสุด เพื่อบีบบังคับคนจนถึงขีดกำจัด อาจทำให้คนผู้นั้นพัฒนาได้เร็วยิ่งขึ้น แต่แน่นอนว่าการกดดันมากเกินไปย่อมไม่ใช่เรื่องดี

…ถึงอย่างไร ศักยภาพของคนคนหนึ่งย่อมไม่อาจถูกบีบเค้นออกมาในทันทีได้ จึงจำเป็นต้องมีระดับความหนักเบา เพราะหากกดดันมากเกินไปย่อมทำให้คนผู้นั้นได้รับบาดเจ็บ แล้วจะนับประสาอะไรกับการพัฒนาการบ่มเพาะกัน?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]