บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 822

บทที่ 822 ไม้บรรทัดหยั่งรู้สวรรค์

บทที่ 822 ไม้บรรทัดหยั่งรู้สวรรค์

พลังธรรมเทพนั้นไร้ตัวตน และไม่สามารถจับต้องได้เหมือนกับชะตาสวรรค์

เฉินซีไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าพลังธรรมเทพจะสามารถคำนวณเป็นระดับต่าง ๆ ได้อย่างพิถีพิถัน เช่นเดียวกับสมบัติวิเศษหรือโอสถทิพย์ แต่เขาก็เข้าใจทุกสิ่งในทันที หลังจากที่หยิบแผ่นป้ายธรรมเทพออกมา

แผ่นป้ายธรรมเทพเป็นเหมือนตราสีทองเข้มที่ปกคลุมไปด้วยลวดลายอันวิจิตรและลึกล้ำนับไม่ถ้วน มันเป็นสมบัติประหลาดที่บันทึกพลังธรรมเทพไว้

พิภพยันต์อักขระเต็มไปด้วยสัตว์อสูรจักรวาลมากมายมหาศาล ทุกครั้งที่ฆ่าพวกมัน คนผู้นั้นจะได้รับพลังธรรมเทพที่สอดคล้องกันตามความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรจักรวาล และจำนวนที่แน่นอนจะปรากฏบนแผ่นป้ายธรรมเทพ

นอกจากนั้น ยังมีวิธีอื่น ๆ อีกมากมายในการได้รับพลังธรรมเทพ เช่น การซ่อมแซมหอคอยยันต์อักขระ คุ้มกันคาราวานพ่อค้า ทำภารกิจของโถงอันดับที่เก้าให้สำเร็จ และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยทั้งหมดนี้จะให้พลังธรรมเทพในปริมาณที่สอดคล้องกัน

หลังจากที่ได้เข่นฆ่าสัตว์อสูรจักรวาลก่อนหน้านี้ แม้พื้นผิวแผ่นป้ายธรรมเทพของเฉินซีดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่แท้จริงมันกลับเปลี่ยนแปลงจากภายในอย่างน่าอัศจรรย์

หากชายหนุ่มตรวจสอบมันด้วยจิตสัมผัสเทพ เขาจะพบว่าพื้นที่ภายในแผ่นป้ายนั้นเหมือนกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวนับไม่ถ้วน และมันถูกปกคลุมด้วยดวงดาวขนาดเล็กจำนวนมหาศาลอย่างหนาแน่น

ดวงดาวเหล่านี้ส่วนใหญ่มืดสลัวและไร้ความระยิบระยับ ซึ่งในขณะนี้มีดวงดาวเพียงสามสิบสองดวงเท่านั้นที่เปล่งแสงสีทองออกมา ยิ่งกว่านั้น พวกมันยังเปล่งแสงธรรมเทพที่ดูราวกับความฝันออกมา!

จากการคาดเดาของเฉินซี ดวงดาวที่เปล่งแสงสีทองเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นตัวแทนของพลังธรรมเทพที่คนผู้นั้นมี ดังนั้นพลังธรรมเทพสามดาวที่ผู้อาวุโสเซวียหมิงกล่าวถึง จึงดูสมเหตุสมผลขึ้นมาทันตา

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เขาได้รับดาวแห่งพลังธรรมเทพทั้งหมดสามสิบดวงจากการสังหารสัตว์จักรวาลเหล่านั้น และชายหนุ่มต้องแลกเปลี่ยนดาวแห่งพลังธรรมเทพสามดวงที่อยู่ภายในแผ่นป้ายธรรมเทพ เพื่อรับวารีวิญญาณหรือศิลาอมตะเพื่อเติมเต็มพลังจากผู้อาวุโสเซวียหมิง

“แผ่นป้ายธรรมเทพนี้อัศจรรย์จริง ๆ ข้าสงสัยนักว่าผู้ใดในบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ที่สร้างพิภพยันต์อักขระขึ้นมา มันสามารถบันทึกพลังธรรมเทพได้อย่างชัดเจน ไม่แปลกใจเลยที่มันจะสามารถใช้เป็นสกุลเงินได้…” หลังจากที่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดนี้แล้ว ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ

สิ่งนี้ทำให้เขานึกถึงศิลาทดสอบเต๋าของจักรพรรดิสิ่งประดิษฐ์ที่ใช้ในการประเมินเต๋ารู้แจ้ง และศิลาจารึกวิญญาณของจักรพรรดิแห่งการต่อสู้ที่สามารถทดสอบความแข็งแกร่งและศักยภาพในการต่อสู้ของคนคนหนึ่ง …ที่ทั้งคู่ต่างมีความสามารถในการเปลี่ยนคนธรรมดาให้กลายเป็นไม่ธรรมดาที่น่าอัศจรรย์!

แม้จะล่วงเลยเป็นเวลากลางดึกแล้ว แต่หมู่บ้านจินซางกลับยังสว่างไสวด้วยโคมไฟในเวลานี้ ทั่วทั้งหมู่บ้านต่างก็เต็มไปด้วยเสียงร้องเพลงและเสียงหัวเราะด้วยความยินดี ชาวบ้านทุกคนล้วนตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ พวกเขาต่างรวมตัวกันเพื่อดื่มสุราและเฉลิมฉลอง ดังนั้นเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานจึงดังออกมาจากพวกเขาเป็นครั้งคราว

ในขณะนี้ กลุ่มของเฉินซีได้ติดตามผู้อาวุโสเซวียหมิงมาถึงบริเวณทางด้านข้างของหอคอยยันต์อักขระ

ณ ที่แห่งนั้นมีแท่นบวงสรวงเตี้ย ๆ ตั้งอยู่ มันสร้างจากหินปูนเนื้อหยาบ กำแพงมีรอยด่างและหมองคล้ำไร้ความมันเงา ซึ่งไม่ทราบว่ามันตั้งอยู่มายาวนานเพียงใด ทำให้มันเต็มไปด้วยกลิ่นอายเก่าแก่

สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือ รอบ ๆ แท่นบวงสรวงนี้มีลวดลายลึกลับที่ดูจะถูกวาดด้วยเลือด ลายเส้นเหล่านี้มีความลึกล้ำและสามารถมองเห็นบุปผา วิหค มวลแมลง มัจฉา หรือการบวงสรวงของเหล่าบรรพบุรุษ การโคจรของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ หรือฉากอื่น ๆ อีกมากมาย

เมื่อมองจากระยะไกล ลวดลายลึกลับเหล่านี้ดูเหมือนสัญลักษณ์ของเผ่าโบราณ ซึ่งเปล่งกลิ่นอายกว้างใหญ่ที่เคร่งขรึม ลึกลับ และเก่าแก่ออกมา

เซวียหมิงผู้ผอมแห้งเดินขึ้นไปยังแท่นบวงสรวงและคุกเข่าโค้งคำนับสามครั้ง ซึ่งในระหว่างที่โค้งคำนับทั้งสามครั้ง เจ้าตัวก็ได้หยิบมีดหินออกมาจากกระเป๋าที่หน้าอก จากนั้นจึงกรีดที่ปลายนิ้ว และหยดเลือดลงไปสองสามหยด แล้วค่อยละเลงลวดลายลึกลับบนแท่นบวงสรวงด้วยเลือดของตน

ท่าทางของเขาเคร่งขรึมอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน มันแสดงถึงความเคารพ แม้กระทั่งมีร่องรอยของความมุ่งมั่น ภายใต้การกระทำที่ระมัดระวัง นุ่มนวล และเชื่องช้าอย่างมาก

เมื่อเห็นสิ่งนี้ เฉินซี เวิ่นเทียนเซี่ยว และเหยาลู่เวยต่างก็รู้สึกงงเล็กน้อย

พวกเขาพอจะแยกแยะได้ว่า นี่ดูจะเป็นพิธีบวงสรวงแบบโบราณ ซึ่งเผยให้เห็นความรู้สึกที่เคร่งขรึมและเคารพ

โอม!

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง จู่ ๆ คลื่นพลังแปลกประหลาดพลันเกิดขึ้นรอบ ๆ แท่นบวงสรวง และลวดลายลึกลับที่วาดบนพื้นผิวของแท่นบวงสรวงก็เริ่มส่องแสง ก่อนที่ม่านแสงจะส่องออกมาอย่างกะทันหัน โดยม่านแสงนั้นเป็นเหมือนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว และมีไม้บรรทัดลอยอยู่ท่ามกลางท้องฟ้า

ไม้บรรทัดนี้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เรียบเนียนดุจกระจก และมีประกายแวววาว มันให้ความรู้สึกแปลกประหลาดแก่ผู้อื่น พวกเขาสัมผัสได้ถึงความยุติธรรม ความเป็นระเบียบ และความสามารถในการวัดทุกสิ่งในจักรวาล แต่หลังจากนั้นไม้บรรทัดนี้ก็หายไปในพริบตา และพื้นที่ภายในม่านแสงก็พลันกลายเป็นสีดำสนิท

“ไม้บรรทัดหยั่งรู้สวรรค์!” แม้ว่ามันจะปรากฏขึ้นเพียงชั่วครู่ แต่ก็ทำให้เวิ่นเทียนเซี่ยวอุทานออกมาด้วยความตกใจ และดูเหมือนว่าเขาจะจำอะไรบางอย่างได้ “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ไม้บรรทัดนี้กำเนิดขึ้นในยุคบรรพกาล มันคือสมบัติศักดิ์สิทธิ์โกลาหล และสามารถวัดความสูงของโลกหรือกฎเกณฑ์ที่อยู่เบื้องหลังทุกสิ่ง ไม่แปลกใจ ไม่แปลกใจเลย!”

“ใช่แล้ว มันคือสมบัติชิ้นนั้นจริง ๆ ว่ากันว่ามันอยู่ในมือของจักรพรรดิแห่งความมืดหยวนสวินในช่วงการสร้างพิภพยันต์อักขระแรกเริ่ม การแบ่งเต๋าแห่งสวรรค์และการสร้างทุกสิ่งในโลกล้วนต้องพึ่งพาไม้บรรทัดหยั่งรู้สวรรค์ ตอนแรกข้าคิดว่ามันเป็นแค่ข่าวลือ แต่ข้าไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเป็นเรื่องจริง” เหยาลู่เวยที่อยู่ใกล้เคียงกล่าวช้า ๆ และดวงตาสดใสของนางก็เต็มไปด้วยความตกใจเล็กน้อย

“ไม้บรรทัดหยั่งรู้สวรรค์?”

เฉินซีตกตะลึง เพราะคำพูดของเวิ่นเทียนเซี่ยวกับเหยาลู่ช่างชวนให้ประหลาดใจยิ่ง …ที่แท้ สาเหตุที่กฎแห่งเต๋าสวรรค์ในพิภพยันต์อักขระนั้นแตกต่างจากพิภพอื่น มันก็เพราะไม้บรรทัดหยั่งรู้สวรรค์นี้อย่างนั้นหรือ?

เขายังถึงกับอนุมานด้วยซ้ำว่า เหตุผลที่แผ่นป้ายธรรมเทพนี้สามารถคำนวณพลังธรรมเทพได้อย่างแม่นยำเช่นนี้ น่าจะเกี่ยวข้องกับไม้บรรทัดหยั่งรู้สวรรค์เช่นกัน!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]