บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 837

บทที่ 837 คนหนุ่มสาวที่โอ้อวด

บทที่ 837 คนหนุ่มสาวที่โอ้อวด

ภายในห้องรับรองพิเศษหมายเลข 007

เฉินซีเป็นเหมือนรูปปั้นดินเหนียว และมีเพียงมือขวาของเขาเท่านั้นที่พุ่งไปด้วยความเร็วที่ฉับไว ตวัดวาดอักขระยันต์อันชาญฉลาดมากมายเพื่อสร้างเส้นทาง

เขาลืมทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว ลืมแม้แต่ว่าตนอยู่ที่ใด และลืมกระทั่งเวลาที่ผ่านเลยไป

ภายใต้สภาวะที่ล้ำลึกเช่นนี้ ความเร็วในการซ่อมแซมผังอักขระยันต์ของเขาไม่ได้เร็วขึ้น แต่ข้อดีของมันก็คือความคงที่และยาวนาน หลังจากที่เฉินซีซ่อมผังอักขระยันต์เสร็จแล้ว พู่กันยันต์ของเขาก็แกว่งไปมา ก่อนที่จะเริ่มซ่อมผังอักขระยันต์ผังถัดไป และเขาแทบไม่เสียเวลาเลย

เมื่อเวลาผ่านไป ชายหนุ่มถึงกับลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ากำลังทำอะไรอยู่ ร่างกายของเขาดูจะท่องไปในโลกแห่งอักขระยันตร์ ซึ่งโลกใบนี้ได้ถูกทำลาย มีอายุมากขึ้น และปกคลุมไปด้วยหายนะ

ในขณะที่เฉินซีกำลังซ่อมแซมสถานที่ที่เสียหายเหล่านี้ บูรณะสถานที่เก่าแก่เหล่านั้น และเก็บกวาดพื้นที่ที่ถูกทำลายล้าง…

ทุกครั้งที่ชายหนุ่มทำสำเร็จหนึ่งก้าว มันจะทำให้เขาได้รู้สึกถึงความสำเร็จอันสุดจะพรรณนา และความรู้ของเขาที่มีต่อโลกใบนี้ก็จะลึกซึ้งยิ่งขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ ยิ่งชายหนุ่มได้รับความรู้มากเท่าใด เขาก็ยิ่งเคลื่อนไหวในโลกใบนี้ได้เร็วเท่านั้น ในขณะที่เคล็ดวิชาของเขาก็เชี่ยวชาญมากขึ้นไปอีก ดั่งคนขายเนื้อที่กำลังชำแหละวัวอย่างง่ายดาย

ผู้ดูแลสาวสวยเซวียนอวิ๋นหลับตาแน่น ในขณะที่นางหายใจเข้าลึก ๆ อย่างรวดเร็ว จึงจะสงบสติอารมณ์ตกใจที่เป็นเหมือนพายุโหมกระหน่ำอยู่ในใจได้เล็กน้อย

นางถูกสยบโดยความสำเร็จในเต๋าแห่งยันต์อักขระขั้นสมบูรณ์ที่เฉินซีได้เผยออกมา และนางก็ไม่กล้าคิดเลยว่า ตนเองจะได้พบกับปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระที่มีอายุน้อยเช่นนี้ในชีวิตของนาง!

นางไม่กล้าลืมตาเพราะนางกังวลว่าความสนใจของนางจะถูกดึงดูดเข้าไปอีกครั้ง และจมดิ่งสู่ความสำเร็จอันน่าทึ่งในเต๋าแห่งยันต์อักขระของเขา

เซวียนอวิ๋นจำข่าวลือได้ราง ๆ ว่า เมื่อเหล่าปราชญ์ในยุคบรรพกาลได้ถ่ายทอดเต๋าในที่สาธารณะ เนื่องจากเต๋านั้นล้ำลึกเกินไป ศิษย์ทั้งหมดของเขาจึงงุนงงและสับสน มีเพียงนกธรรมดาตัวหนึ่งที่ยืนอยู่บนกิ่งไม้ทางด้านข้างของแท่นบวงสรวงเต๋าเท่านั้นที่ถูกดึงดูดโดยคำพูดของเขา และกระโดดด้วยความดีใจในขณะที่กระพือปีก

ปราชญ์ผู้นั้นอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ดวงจิตแห่งเต๋าของศิษย์ข้าทุกคนแข็งแกร่งยิ่ง แต่พวกเขายังด้อยกว่านกที่ฟังโดยไม่ตั้งใจ ทำไมกัน? ไม่มีเหตุผลอื่นใด เพราะมีเพียงสภาวะของความเขลาเท่านั้นที่ใกล้เคียงกับมหาเต๋าที่สุด”

แต่เมื่อปราชญ์กล่าวจบ นกตัวนั้นก็สิ้นลมหายใจในทันที เพราะตัวมันเป็นเพียงนกธรรมดา มันไม่ได้มีการบ่มเพาะหรือมีดวงจิตแห่งเต๋า แต่มันได้สัมผัสกับความหมายสูงสุดของเต๋าโดยไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นมันจึงไม่สามารถทนต่อเนื้อหาของเต๋า และตายในที่สุด

ปราชญ์ถอนหายใจเมื่อเห็นสิ่งนี้ “สามารถเรียนรู้เต๋าได้ในวันเดียว แต่กลับต้องหวนคืนสู่ยมโลก ช่างโชคดีและน่าเศร้าเสียจริง…”

เซวียนอวิ๋นรู้สึกว่าก่อนหน้านี้นางกลายเป็นนกที่โง่เง่า ซึ่งหมกมุ่นอยู่กับเนื้อหาอันลึกซึ้งที่หลั่งไหลออกมาจากปลายพู่กันของเฉินซี จนไม่สามารถหลุดพ้นได้

แต่เนื้อหาที่ล้ำลึกดูจะน่ากลัวเกินไปสำหรับนาง และมันยังห่างไกลจากสิ่งที่หญิงสาวจะเข้าใจได้ด้วยความสำเร็จในปัจจุบัน ดังนั้นนางจึงดิ้นรนและลังเลอยู่เป็นเวลานาน ก่อนที่ตัดสินใจกัดปลายลิ้นและอาศัยความเจ็บปวดที่เสียดแทงเพื่อฟื้นคืนสติ หลังจากนั้นนางก็รีบหลับตาแน่นโดยไม่กล้ามองอีก

แม้จะไม่ได้มองอีกต่อไป แต่เซวียนอวิ๋นก็รู้ว่าการเผชิญหน้าที่ยอดเยี่ยมในวันนี้ และทุกสิ่งที่นางเข้าใจก่อนหน้านี้ย่อมเพียงพอที่จะส่งเสริมให้ตนได้ก้าวต่อไปบนวิถีของเต๋าแห่งยันต์อักขระง่ายขึ้นในภายภาคหน้า!

เวลาเจ็ดวันผ่านไปอย่างเงียบงัน

เจ็ดวันนี้ผ่านไปในพริบตาของเฉินซี แต่สำหรับคนอื่น ๆ ในห้องโถงใหญ่แล้ว มันเหมือนกับพายุที่กำลังขยายตัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มันพุ่งเข้าใส่อย่างรุนแรงและทำให้หัวใจของพวกเขาสั่นคลอน

ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนเป็นปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระ และไม่มีปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระในหมู่พวกเขา แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามวันนี้ ยังคงทำให้พวกเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังฝันอยู่ เพราะมันเหนือจริงยิ่งนัก!!!

พลังธรรมเทพสองหมื่นหนึ่งพันดวง!

ในช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงเจ็ดวัน คนผู้หนึ่งกลับได้รับพลังธรรมเทพมากมายจนน่าตกใจ จะมีใครบ้างในกลุ่มพวกเขาที่สามารถทำสิ่งนี้ได้สำเร็จ?

ถ้าพวกเขาไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง และร่วมเป็นสักขีพยานด้วยกัน คงไม่มีผู้ใดเชื่อว่ามีคนร้ายกาจเช่นนี้มีอยู่ในโลกจริง ๆ ยิ่งกว่านั้น การกล่าวว่าคนผู้นี้ได้รับพลังธรรมเทพถือเป็นการดูหมิ่น เพราะคนผู้นี้เพียงแค่กวาดล้างพลังธรรมเทพ!

หากผังอักขระยันต์ที่เสียหายเหล่านั้นถูกเปรียบเทียบเป็นศัตรูจำนวนมาก ความเร็วในการซ่อมแซมของเฉินซีก็ทรงพลัง และไม่มีใครสามารถต้านทานความแข็งแกร่งของเขาได้

ในช่วงเจ็ดวันมานี้ หัวหน้าผู้ดูแลของห้องโถงใหญ่เยว่เหมิงได้คอยคุ้มกันที่นี่อยู่เสมอ และเขาได้เห็นการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของทุกคนที่นี่ด้วยตัวเอง ซึ่งสีหน้าที่ตกใจในตอนแรกก็ค่อย ๆ กลายเป็นความประหลาดใจ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นความชื่นชมจากใจจริงในที่สุด

ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ ไม่มีการขาดแคลนปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระคนอื่น ๆ ที่มาถึงที่นี่ และเมื่อพวกเขาได้รู้ราวทุกสิ่งแล้ว ก็ต่างตกใจจนพูดไม่ออกเช่นกัน

ไม่มีใครจากไปเลยสักคน ทำให้พื้นที่มหึมาในห้องโถงใหญ่แน่นขนัด จนแม้แต่น้ำสักหยดก็ไม่สามารถลอดเข้าไปได้ แต่บรรยากาศที่นี่กลับเงียบสงัดจนได้ยินแม้แต่เสียงเข็มหล่น ราวกับว่าพวกเขากำลังแหงนดูการกำเนิดของปาฏิหาริย์ที่ไม่เคยมีมาก่อน

ผ่านไปอีกสามวัน

ตัวเลขที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาบนม่ายแสงซึ่งเป็นตัวแทนของพลังธรรมเทพได้หยุดลงอย่างกะทันหัน และหยุดที่จำนวนสามหมื่นดวงโดยไม่ขยับอีกต่อไป

“มันจบแล้วหรือ?” มีคนกล่าวด้วยความผิดหวัง

“เพียงสิบวันกลับได้พลังธรรมเทพไปถึงสามหมื่นดวง!” ใครบางคนถอนหายใจยาว ในขณะที่เขาพึมพำด้วยความตกใจ

ทันใดนั้น ทั้งห้องโถงใหญ่ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น และการสนทนาทุกรูปแบบ ทำให้เกิดเสียงดังอึกทึกครึกโครม ยิ่งกว่านั้น แต่ละคนก็มีสีหน้าที่แตกต่างกัน แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทุกคนตื่นเต้นมาก

ท่ามกลางบรรยากาศที่อึกทึกครึกโครมนี้ ร่างสูงร่างหนึ่งได้เดินผ่านไปเงียบ ๆ และเขาดูจะไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติในห้องโถง ขณะที่ร่องรอยของความเสียใจยังคงอยู่ระหว่างคิ้วที่เฉียงเหมือนกระบี่คู่หนึ่งของชายหนุ่ม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]