บทที่ 839 ค้างคาวโลหิตปีกคราม
บทที่ 839 ค้างคาวโลหิตปีกคราม
ทางด้านนอกเมืองนกนางแอ่นแดง
สวบ!
กระบี่ในมือของเฉินซีตวัดออกไป แสงสว่างเย็นเยือกพลันปรากฏขึ้น ทำให้เกิดกลุ่มโลหิตกระเซ็นสาด ทางด้านข้างของเขามีสัตว์อสูรจักรวาลมากกว่าสิบตัวถูกผ่าครึ่ง ตายตกในทันที
ร่างของชายหนุ่มพุ่งทะยาน หลบเลี่ยงการลอบโจมตีของสัตว์อสูรจักรวาล เขากำลังจะฟาดฟันด้วยกระบี่ แต่ตอนนี้คิ้วของเขาพลันขมวดแน่น และโดยไม่ลังเล ร่างของเฉินซีก็กลายเป็นสายรุ้ง ถอยออกมาหนึ่งพันจั้งอย่างรวดเร็ว
ชิ้ง ๆ!
หลังถอยออกมาแล้ว ในสายตาของชายหนุ่ม ตรงจุดที่เคยยืนอยู่ หมอกสีดำพลันปรากฏขึ้น มันกำลังกัดกร่อนความว่างเปล่าจนกลายเป็นหลุมดำที่ทำเอาหัวใจสั่นสะท้าน
หากหลบช้ากว่านี้ ผลลัพธ์ที่ตามมาคือหายนะ!
เฉินซีหรี่ตา ประกายเย็นเยือกวาบผ่าน เมื่อปรายตามอง เขาพลันเห็นค้างคาวที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ มีปีกสีคราม ดวงตาสีแดงราวกับโลหิต
ค้างคาวโลหิตปีกคราม!
นี่คือปีศาจอันเกรี้ยวกราดดุร้าย มันมีความกระหายเลือดอย่างบ้าคลั่ง ในอดีตกาล เผ่าค้างคาวโลหิตปีกครามคือตัวตนที่ไม่ว่าใครก็รู้จัก เพราะพวกมันเคยกลืนกินโลหิตของทวยเทพมาก่อน!
ในสมรภูมิอันโกลาหลนี้ ค้างคาวโลหิตปีกครามที่มีขนาดเท่าฝ่ามือดูไม่สะดุดตา มันซ่อนอยู่ในความมืด หากเฉินซีไม่ระวัง ย่อมถูกพวกมันซุ่มโจมตีอย่างแน่นอน
ฟ้าว!
ยันต์ศัสตราของเฉินซีตัดผ่านท้องนภาโดยไม่ลังเล เกิดสายรุ้งอันน่าตกตะลึง ทะลวงตรงออกไป ฟาดฟันเข้าใส่ค้างคาวโลหิตปีกคราม และทำให้เขาสัมผัสได้เลือนรางว่าค้างคาวโลหิตปีกครามที่แท้จริงอยู่ที่ใด
ซู่!
ค้างคาวโลหิตปีกครามวูบไหว ฉีกผ่านความว่างเปล่าทันที มันถึงกับใช้วิชาเคลื่อนย้ายมิติ หายลับไปในพริบตา! ฉากนี้ได้พิสูจน์ว่าฐานการบ่มเพาะของมันเทียบเท่ากับขอบเขตเซียนปฐพีเป็นอย่างน้อย!
แต่เฉินซีคล้ายกับคาดการณ์ถึงเหตุการณ์นี้เอาไว้แล้ว เนตรเทวะแห่งความจริงส่องแสงสว่างสีดำ กวาดผ่านความว่างเปล่า ตรวจพบร่องรอยของค้างคาวโลหิตปีกครามในทันที
อึดใจต่อมา ร่างของชายหนุ่มก็กลายเป็นสายรุ้ง ก่อนจะไล่ตามอีกฝ่ายไป
ทั้งสองหลบหนีไล่ล่า ไม่ช้าก็ออกจากสมรภูมิ จนมาถึงถิ่นทุรกันดารแห่งหนึ่ง
“เหอะ ๆ ช่างอาจหาญนัก แต่น่าเสียดายที่เจ้าอาจหาญในเรื่องโง่เขลา สมควรตายแล้ว!” ความว่างเปล่าสั่นไหว ค้างคาวโลหิตปีกครามปรากฏขึ้น กลายเป็นหญิงชราที่มีรูปร่างผอมแห้งในชุดสีดำ
นางถือไม้เท้าหัวอีแร้ง ใบหน้าเย็นชาเผยความไม่พอใจ มีปราณอสูรสีดำแผ่ทั่วทั้งร่างกาย นางคือยายเฒ่าพันลักขีนั่นเอง
“เจ้าเองก็อาจหาญเหมือนกัน” สายตาแนวตั้งตรงหว่างคิ้วของเฉินซีกวาดมองรอบข้าง พบว่าการซุ่มโจมตีไม่ใช่แผนที่วางเอาไว้อย่างดี เขาจึงรู้สึกโล่งอก
“เจ้าเด็กน้อย ขนาดจะตายอยู่แล้วยังทำตัวดื้อรั้นอีก มันทำให้หญิงชราผู้นี้ไม่พอใจเอาเสียเลย” ยายเฒ่าพันลักขีคาดเดาแล้วกล่าวว่า “น่าเสียดาย ครั้งนี้เจ้ากับสหายจะต้องตายอย่างแน่นอน!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สายตาของเฉินซีพลันแข็งทื่อไป “เจ้าหมายถึงเวิ่นเทียนเซี่ยวหรือ?”
ร่องรอยความเกลียดชังปรากฏบนแก้มซูบผอมที่ดูเหมือนเปลือกส้มแห้งของยายเฒ่าพันลักขี “ใช่แล้ว หนี้เลือดก็ต้องชดใช้ด้วยเลือด เจ้าลืมไปแล้วหรือว่ากลุ่มวิญญาณทมิฬตายเพราะใคร?”
เฉินซีขมวดคิ้ว ถามว่า “แสดงว่า เจ้ากำลังคิดจะช่วยเหลือกลุ่มวิญญาณทมิฬหรือ?”
ยายเฒ่าพันลักขีส่ายหน้า นางยิ้มหยันแล้วตอบว่า “กลุ่มวิญญาณทมิฬจะไปมีค่าอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าของตระกูลหลัว ข้าคงไม่สนใจหรอก”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ นางพลันกลอกตาด้วยความประหลาดใจ มองมาที่เฉินซีก่อนยิ้มออกมา นางเลียมุมปากแล้วกล่าวว่า “แน่นอน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเลือดของเจ้ามันเย้ายวนด้วย หญิงชราผู้นี้แทบอดใจที่อยากลองลิ้มรสไม่ไหวแล้ว”
“น่าเสียดาย ข้าเกรงว่าชั่วชีวิตนี้คงจะไม่ได้ดื่มแล้วล่ะ…”
เสียงนั้นยังคงดังก้อง ทว่าร่างของชายหนุ่มกลับหายไป ก่อนที่อึดใจต่อมา กระบี่แสงสว่างเจิดจ้าสุดประมาณจะสาดส่องในราตรีสีดำสนิท ปกคลุมยายเฒ่าพันลักขีเอาไว้!
ครืนนน!
ก่อนกระบี่จะถึงตัว เสียงคำรามอันทรงพลังของกระบี่ดังก้องสะท้อนทั่วทั้งสวรรค์และโลก เหมือนกับเสียงร้องของเทพอสูร เหมือนกับเสียงของทวยเทพกำลังขับขาน พลังของกระบี่ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
หืม?
ยายเฒ่าพันลักขีพลันหรี่ตา เมื่อตระหนักได้ว่ามันทรงพลัง นางจึงสะบัดไม้เท้าหัวอีแร้งในมือ ส่งปราณอสูรพลุ่งพล่าน ราวกับมังกรดำชั่วร้ายกำลังคำราม ก่อนจะพุ่งออกไปอย่างสุดกำลัง
การบ่มเพาขอบเขตเซียนปฐพีระดับห้าทำให้นางมั่นใจในความแข็งแกร่งของตนอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายเป็นเพียงเจ้าเด็กน้อยขอบเขตสถิตกายา บุคคลที่ไม่สำคัญเช่นนั้น นางจำแทบไม่ได้แล้วว่าเคยทรมานและสังหารไปกี่คน
แต่สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจคือ ตอนพบกับเฉินซีคราวที่แล้ว อีกฝ่ายบ่มเพาะในการขัดเกลากายาอย่างเห็นได้ชัด ปราณโลหิตกำลังเดือดพล่าน เกิดเป็นร่องรอยของจังหวะเต๋าอย่างต่อเนื่อง แต่ตอนนี้เขากำลังใช้วิถีบ่มเพาะปราณแท้ ทำให้รสชาติที่ชวนน้ำลายไหลหายไป…
ตู้ม!
ทว่าก่อนที่นางจะรู้ว่าทำไม พลังอันน่าสะพรึงได้พุ่งเข้ามา สิ้นเสียง ‘ตู้ม’ นางพลันถอยออกมาหลายสิบจั้งอย่างควบคุมไม่ได้ ทั่วทั้งร่างกำลังสั่นสะท้านไม่หยุด
พลังช่างแก่กล้านัก!
ยายเฒ่าพันลักขีตกตะลึง นางรู้สึกไม่อยากเชื่อเล็กน้อย นี่คือพลังที่เจ้าเด็กน้อยขอบเขตสถิตกายาสามารถทำได้หรือ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...