บทที่ 895 ความแข็งแกร่งของซางจือ
บทที่ 895 ความแข็งแกร่งของซางจือ
ฟิ้ว!
ในห้องโดยสาร เฉินซีคลี่แผนที่และมองอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่ความรู้สึกตื่นเต้นจะผุดขึ้นในใจของเขา “เราจะไปถึงเทือกเขาหนามม่วงในอีกไม่กี่ชั่วยาม…”
ในแดนภวังค์ทมิฬ หากกล่าวถึงเทือกเขาหนามม่วง สิ่งแรกที่ทุกคนจะนึกถึงคือ พลังต่อสู้ที่ร้ายกาจและน่าเกรงขามของคนตระกูลไป๋!
เฉินซีคำนวณเงียบ ๆ ครู่หนึ่ง “หากไม่มีแทรกแซง การไปเทือกเขาหนามม่วงในช่วงเวลานี้ ก็ตรงกับช่วงเวลาที่ท่านน้าไป๋กลับมา…”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ความรู้สึกในใจของเฉินซีก็ไม่สามารถสงบได้อีกต่อไป
เพราะหากเขาได้พบกับไป๋หว่านฉิง ก็หมายความว่าเขาจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับบิดามารดา และสาเหตุของภัยพิบัติที่ส่งผลกระทบต่อตระกูลเฉินทั้งหมด!
“เอาล่ะ ข้าได้ช่วยชีวิตและฟื้นฟูความแข็งแกร่งของเจ้าให้กลับคืนสู่ขอบเขตเซียนปฐพีระดับหกแล้ว นับจากนี้ไป เจ้าจะต้องต่อสู้ตามที่ข้าบอก เข้าใจหรือไม่?”
“เกียรติยศแห่งซางจือ ไม่อาจทำให้เสื่อมเสีย!”
เสียงสนทนาระหว่างอาซิ่วกับซางจือดังขึ้นภายในเรือเหาะ เฉินซีอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ในช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่กี่วันนี้ ชายหนุ่มได้ให้สมบัติอมตะไปถึงเจ็ดชิ้น และถ้าไม่ใช่เพราะอาซิ่วต้องการซ่อมแซมซางจือ เฉินซีจะไม่เสียสมบัติอมตะจำนวนมากเพื่อสยบหุ่นวิญญาณศึกอย่างแน่นอน
ถึงอย่างไร มูลค่าของสมบัติอมตะทั้งเจ็ดชิ้นก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีทำงานจนตัวตายเพื่อให้ได้มาครอบครอง
แต่เมื่อพิจาราณาจากท่าทางของซางจือในตอนนี้ มันยังไม่เต็มใจที่จะยอมจำนน สิ่งนี้ทำให้เฉินซีไม่อาจทำสิ่งใดได้ นอกจากรู้สึกรำคาญเล็กน้อย “หรือว่าสมบัติอมตะทั้งเจ็ดจะสูญเปล่า?”
เฉินซียืนขึ้น และเดินก้าวยาวไปหยุดอยู่ตรงหน้าอาซิ่ว พร้อมกับกล่าวว่า “เจ้าอยากให้ข้าจัดการกับมันหรือไม่”
อาซิ่วตกตะลึงเมื่อเห็นสีหน้าเศร้าหมองของอีกฝ่าย จากนั้นนางก็ระเบิดเสียงหัวเราะด้วยรู้สึกขบขันอย่างยิ่ง “โอ้ เจ้าต้องการเอาชนะเพื่อให้มันยอมจำนนหรือ?”
เฉินซีขมวดคิ้ว “ทำไมจะไม่ล่ะ? ข้าไม่อาจเสียสมบัติอมตะทั้งเจ็ดชิ้นนั้นไปโดยเปล่าประโยชน์นะ”
อาซิ่วหัวเราะจนน้ำตาแทบจะไหลออกมาจากดวงตา ขณะที่นางกล่าวว่า “เจ้าไม่ได้สังเกตหรือ? คำพูดที่ซางจือกล่าวคือคำพูดติดปากของเขา”
เฉินซีตกตะลึง จากนั้นจึงหันกลับไปมองซางจือ ก่อนที่จะเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ “ซางจือ?”
“เกียรติยศของซางจือ ไม่อาจทำให้เสื่อมเสีย!” เสียงที่คุ้นเคยดังออกมาจากปากของซางจือ และมันทั้งเย็นยะเยือก อำมหิต และปราศจากอารมณ์ความรู้สึก
เฉินซีเลิกคิ้ว กล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “มันรู้แค่คำเหล่านี้หรือ?”
อาซิ่วกลั้นหัวเราะและพยักหน้า “ใช่ สติสัมปชัญญะของมันเสียหายไปมาก มีเพียงสัญชาตญาณของการต่อสู้และการบ่มเพาะเท่านั้นที่ยังคงอยู่ แล้ว… ก็ถ้อยคำเหล่านี้”
ทันใดนั้น เฉินซีจึงเข้าใจอย่างสมบูรณ์ และดูเหมือนว่าเขากำลังครุ่นคิด จากนั้นจึงกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้น นี่ก็หมายความว่ามันยอมจำนนแล้วหรือ?”
“ถูกต้อง ไม่มีใครในโลกนี้ที่แย่งมันไปจากเจ้าได้อีกต่อไป!” อาซิ่วตอบเสียงดัง จากนั้นนางเม้มปากด้วยความเสียดายเล็กน้อยและกล่าวว่า “น่าเสียดาย ข้าไม่รู้ว่าใครลบล้างความทรงจำของมัน การสูญเสียความทรงจำก็เท่ากับการสูญเสียจุดมุ่งหมายในการมีชีวิตอยู่มิใช่หรือ? มันช่างน่าเวทนายิ่งนัก”
ในขณะนี้ เรือเหาะสมบัติพลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ยิ่งกว่านั้น เรือเหาะที่แต่เดิมบินอย่างรวดเร็วก็ราวกับแหวกว่ายอยู่ในบึงโคลน ดูช้าลงอย่างเห็นได้ชัด
ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง เขาหันขวับกลับไปในทันใด
บนท้องฟ้าทางด้านหลัง จู่ ๆ ร่างสองร่างได้ฉีกผ่านความว่างเปล่าและก้าวเท้าออกมา ร่างกายของอีกฝ่ายแผ่เปี่ยมล้นด้วยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัว …เป็นชายวัยกลางร่างสูงใหญ่และมีรอยแผลเป็นที่น่ากลัวบนใบหน้า กับหญิงสาวในชุดสีแดงที่มีผมกระเซอะกระเซิงสีแดงเข้มเหมือนวัชพืช
“ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพระดับแม่ทัพ!”
เฉินซีสังเกตเห็นความแข็งแกร่งกับตัวตนของพวกเขาได้ด้วยการชำเลืองเพียงแวบเดียว และกลิ่นอายของคนทั้งคู่ยังแข็งแกร่งกว่าผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับแม่ทัพทั้งเจ็ดที่เขาต่อสู้ ณ นอกเมืองผาวารีของแคว้นต้าเยี่ยนเสียอีก!
“เหตุใดพวกมันถึงไล่ตามเรามา?” เฉินซีงงงวยเล็กน้อย ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ไอรีนโนเวล ขอบคุนจ้า
“ซางจือโจมตี!” อาซิ่วตะโกนอย่างกะทันหัน
คราวนี้ซางจือไม่กล่าวประโยคนั้นซ้ำอีก ร่างขนาดเท่าฝ่ามือของมันขยายใหญ่ขึ้นในทันที ทั้งยังกระทุ้งตรงดุจคันทวน สวมเกราะและหมวกรบสีดำ ซึ่งเปี่ยมล้นด้วยจิตสังหารที่บริสุทธิ์ยิ่ง
ดูเหมือนว่าตราบใดที่เป็นการต่อสู้ ซางจือก็พร้อมที่จะต่อสู้ทันที!
เคร้ง!
ในพริบตาถัดมา ซางจือกลายร่างเป็นสายฟ้าสีดำสนิทที่พุ่งออกมาจากเรืออย่างฉับไว และหอกสีดำสนิทของมันก็เคลื่อนไหวอย่างสง่างามราวกับสายรุ้ง นำพาพลังรุนแรงที่ทะลุทะลวงผ่านท้องฟ้า ตรงไปยังผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพทั้งสอง!
สีหน้าของชายวัยกลางคนที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นพลันแปรเปลี่ยนเป็นน่ากลัว เขาร้องออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ “หุ่นวิญญาณซางจือ!?”
“พวกมันเป็นคนที่ยึดสมบัติในซากปรักหักพังไปจริง ๆ! กุ้ยจวี่! รีบใช้เคล็ดวิชาลับและเรียกหุ่นวิญญาณซางจือกลับมาซะ! ข้าจะฆ่าพวกมันเอง!” หญิงสาวชุดแดงร้องลั่น ซึ่งขณะที่นางกล่าว ดาบวงแหวนสองเล่มได้ปรากฏขึ้นในมือ ดาบเหล่านี้มีความยาวหกฉื่อ คมกริบและเหมือนกับพระจันทร์เต็มดวง คมดาบของมันเต็มไปด้วยฟันเลื่อยละเอียดที่ไขว้กันดุจเขี้ยวสุนัข ยิ่งกว่านั้น พื้นผิวของใบดาบยังอาบไปด้วยแสงสีเลือดที่สว่างไสว
โอม!
พวกมันเป็นเหมือนพระจันทร์เต็มดวงสีเลือดมหึมาสองดวงที่พุ่งผ่านท้องฟ้าจนเกิดเสียงหวีดหวิว ฟันเข้าใส่เรือเหาะสมบัติที่เฉินซีโดยสารอยู่อย่างดุเดือด ปราณดาบพลุ่งพล่านและเปล่งแสงสีแดงเข้มอันงดงามที่ย้อมฟ้าดินจนเป็นสีแดง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...