บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 921

บทที่ 921 วันเวลาผันผ่านดุจสายน้ำ

บทที่ 921 วันเวลาผันผ่านดุจสายน้ำ

เฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะตัดสินใจได้ และมอบกระบี่ที่ทำจากผลึกต้นกำเนิดโกลาหลให้กับหม้อใบจิ๋วเพื่อให้มันดูดกลืน

แต่หม้อใบจิ๋วกลับเปลี่ยนใจและกล่าวว่า “ยังไม่สายเกินไปที่จะมอบให้ข้าหลังจากที่เจ้าขัดเกลาตนเองเสร็จแล้ว หากการคาดการณ์ของข้าถูกต้อง จะมีผนึกผลึกต้นกำเนิดโกลาหลจำนวนมากกระจายไปทั่วชั้นต่อไปนี้”

เฉินซีตกตะลึง และเขาก็หัวเราะไม่หยุด

เนื่องจากชายหนุ่มพอจะคาดเดาเจตนาของหม้อใบจิ๋วได้คร่าว ๆ และเห็นได้ชัดว่ากระบี่นี้ไม่เพียงพอสำหรับมัน ดังนั้นจึงจะขอแบ่งส่วนหลังจากที่เขารวบรวมผลึกต้นกำเนิดโกลาหลในถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิตเสร็จแล้ว

แน่นอนว่าเฉินซีไม่ได้ใส่ใจมากนัก เขาแค่ต้องการผลึกต้นกำเนิดโกลาหลเพียงส่วนหนึ่งเพื่อขัดเกลายันต์ศัสตราอีกครั้ง และมันไม่มีประโยชน์ที่จะเก็บส่วนที่เหลือไว้ ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่จะมอบมันให้กับหม้อใบจิ๋ว เพื่อให้มันสามารถฟื้นพลังได้โดยเร็วที่สุด

เขาสามารถจินตนาการได้ว่า หากหม้อใบจิ๋วฟื้นกำลังสมบูรณ์แล้ว มันก็คงสามารถเป็นกำลังเสริมที่น่ากลัวของชายหนุ่มได้ เมื่อวันเดิมพันระหว่างตัวเขากับปิงซื่อเทียนมาถึง

เป็นไปตามที่หม้อใบจิ๋วคาดการณ์ไว้ ตั้งแต่ชั้นที่เก้าสิบห้าจนถึงชั้นที่เก้าสิบเก้า ล้วนเต็มไปด้วยคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งสำหรับเฉินซี

บนชั้นที่เก้าสิบหกของถ้ำกระบี่ เป็นผู้บ่มเพาะของนิกายพุทธ ที่สวมจีวรสีเทาและถือลูกประคำร้อยแปดเม็ดไว้ในมือ ซึ่งลูกประคำแต่ละเม็ดก็ถูกสร้างขึ้นจากผลึกต้นกำเนิดโกลาหล

นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินซีได้ต่อสู้กับผู้บ่มเพาะของนิกายพุทธ แต่คู่ต่อสู้ของเขาเป็นวิญญาณโลหิตตนหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่อาจถือได้ว่าเป็นผู้บ่มเพาะชาวพุทธที่แท้จริง สิ่งที่เหมือนกันเพียงอย่างเดียวที่วิญญาณโลหิตตนนี้มีต่อผู้บ่มเพาะชาวพุทธที่แท้จริงคือพลังอิทธิฤทธิ์ที่พวกเขาใช้เหมือนกัน

ตัวอย่างเช่น นัยน์ตาวัชระ กายาบงกชพุทธะ ฝ่ามือชุมนุมหมื่นพุทธ และอื่น ๆ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นพลังอิทธิฤทธิ์มีชื่อเสียงที่สุดของนิกายพุทธ

เฉินซีต้องใช้ใช้ความพยายามตลอดทั้งเดือน จึงจะทำลายวิญญาณโลหิตตนนี้ได้ในที่สุด

ยิ่งกว่านั้น เขายังบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน เหตุผลก็คือ วิญญาณโลหิตตนนี้แข็งแกร่งมากเกินไป การบ่มเพาะของมันเหนืกว่าขอบเขตเขตเซียนปฐพีระดับแปด ในขณะที่ร่างกายของมันก็ทรงพลังมาก เห็นได้ชัดว่ามันใช้วิถีการบรรลุความเป็นเซียนผ่านการขัดเกลากายา ดังนั้นทุกคนจึงน่าจะจินตนาการได้ว่ามันยากแค่ไหนที่จะฆ่ามัน

ในเวลาต่อมา เฉินซีก็ค้นพบตามที่หม้อใบจิ๋วได้กล่าวไว้ วิญญาณโลหิตที่ถูกขังอยู่ใต้ชั้นที่เก้าสิบลงไปของถ้ำกระบี่ ต่างก็ก่อตัวขึ้นจากความแค้นและดวงวิญญาณของผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนสวรรค์ที่ล้มตายลง

ยิ่งกว่านั้น วิญญาณโลหิตเหล่านี้ถูกขังอยู่ในถ้ำกระบี่มาเป็นเวลาเนิ่นนาน ดังนั้นพวกมันจึงค่อย ๆ ฟื้นฟูความแข็งแกร่งเช่นกัน และด้วยเหตุนี้ พวกมันจึงแข็งแกร่งกว่าผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีระดับแปดทั่วไป

สรุปแล้ว การต่อสู้กับวิญญาณโลหิตที่เป็นผู้บ่มเพาะนิกายพุทธครั้งนี้ ทำให้เฉินซีไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้เวลาถึงหนึ่งเดือน เพื่อฟื้นฟูความแข็งแกร่งและอาการบาดเจ็บของเขาให้สมบูรณ์

แต่สิ่งที่เขาได้รับก็มหาศาลเช่นกัน นอกจากสร้อยประคำที่สร้างจากผลึกต้นกำเนิดโกลาหลแล้ว เขายังซึมซับประสบการณ์ต่อสู้มากมายจากวิญญาณโลหิต และนี่คือสิ่งที่เฉินซีต้องการมากที่สุดในตอนนี้

บนชั้นที่เก้าสิบเจ็ดของถ้ำกระบี่ มีวิญญาณโลหิตที่ก่อตัวขึ้นจากดวงวิญญาณของผู้บ่มเพาะอสูรที่น่าเกรงขาม มันมีศาสตร์เต๋าที่ไม่ธรรมดา และมีพลังในการเคลื่อนย้ายภูเขาหรือทำให้ทะเลเดือดจนแห้งเหือด ซึ่งเฉินซีได้ต่อสู้กับมันเป็นเวลาถึงสองเดือน อีกทั้งยังได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะทำลายมันได้ในที่สุด โดยครั้งนี้เขาได้รับขวานมหึมาที่สร้างจากผลึกต้นกำเนิดโกลาหล

บนชั้นที่เก้าสิบแปดของถ้ำกระบี่ มีอสูรจากยมโลกที่มีลักษณะแปลกประหลาดและพละกำลังที่น่าสะพรึงกลัว มันเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาที่ล้ำลึกมากมายจากยมโลก และมันก็แข็งแกร่งมากกว่าวิญญาณโลหิตทั้งหมดที่เขาเคยพบมาก่อนหน้านี้

แต่อสูรตนนี้น่าสังเวชที่สุด เพราะเฉินซีเพียงแค่ใช้เต๋ารู้แจ้งแห่งปารมิตาออกไป ก็สามารถบดขยี้มันอย่างสมบูรณ์ โดยที่มันไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่น้อย

เต๋ารู้แจ้งแห่งปารมิตาเป็นหนึ่งในสามความล้ำลึกที่สุดของยมโลก และมันถูกใช้โดยจักรพรรดิยมโลกองค์ที่สาม นอกจากนี้มันยังสูญหายไปในพงศาวดารเมื่อนานมาแล้ว ดังนั้นแม้ว่าอสูรตนนี้จะแข็งแกร่ง แต่เฉินซีก็เป็นเหมือนศัตรูทางธรรมชาติของมัน จึงคงเป็นเรื่องแปลกหากมันไม่ถูกบดขยี้

ในทางกลับกัน เฉินซีได้รับตรีศูลจากอสูรตนนี้ และมันก็ถูกสร้างขึ้นในทำนองเดียวกันคือทำจากผลึกต้นกำเนิดโกลาหล!

หินหลอมเหลวเดือดพล่านจนเป็นฟองปุด ๆ ทะเลเพลิงซัดสาดพุ่งสูงขึ้น และคลื่นความร้อนที่ร้อนแรงก็ทำให้แม้แต่อากาศยังบิดเบี้ยว มีแท่นดอกบัวที่มีสีแดงเข้มดุจเปลวเพลิงกำลังลอยอย่างเงียบงันเหนือทะเลเพลิงนี้ และมองเห็นร่างของคนผู้หนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดกลีบดอกบัวที่บานสะพรั่ง

นั่นคือเต๋าบงกช

แต่เขาได้สูญเสียพลังชีวิตไปจนหมดสิ้น และเหลือเพียงร่างกายที่ว่างเปล่าในตอนนี้ ซึ่งร่างที่ว่ากำลังนั่งขัดสมาธิอย่างเงียบ ๆ ที่นั่น

เมื่อเฉินซีมาถึงที่นี่และเห็นภาพที่คุ้นเคยนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงมารบงกชที่จากไปเมื่อหลายปีก่อน “ข้าสงสัยว่าเขาไปแก้แค้นที่ไหนกัน และเขาทำสำเร็จหรือไม่?”

เมื่อเขานึกถึงเต๋าบงกช เฉินซีนึกถึงทุกสิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากอีกฝ่ายเมื่อหลายปีก่อน ชายหนุ่มจึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบา ๆ ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหลถูกวางแผนร้ายโดยผู้ยิ่งใหญ่ของจักรวาลเมื่อหลายปีก่อน ทำให้มันพินาศในขั้นตอนสุดท้ายก่อนที่จะขึ้นสู่ขอบเขตของมหาเต๋า กรรมนี้ช่างใหญ่หลวงเสียจริง…

ถึงขนาดที่เฉินซียังสงสัยว่า แม้จะบ่มเพาะความแค้นอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาถึงเพียงนี้ แต่ด้วยความแข็งแกร่งของมารบงกชเพียงอย่างเดียว มันก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาไข่ไปกระทบกับหิน และความเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จก็น้อยเกินไป

เฉินซีจ้องมองแท่นดอกบัวสีแดงเข้มเหนือทะเลเพลิงอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลานาน ก่อนที่เขาจะเบือนสายตาออก และเขาค้นหาสถานที่เงียบสงบ จากนั้นจึงเริ่มตรวจสอบทุกสิ่งที่เขาได้รับมาตลอดทาง

ในไม่ช้า ผลึกต้นกำเนิดโกลาหลจำนวนมากและอาวุธที่หลอมสร้างจากผลึกต้นกำเนิดโกลาหลได้ถูกจัดเรียงไว้ตรงหน้าเฉินซี

มีผลึกต้นกำเนิดโกลาหลทั้งหมดสิบสองชิ้น ชิ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือขนาดเท่ากำปั้น และชิ้นที่ขนาดเล็กที่สุดนั้นหนาเพียงนิ้วหัวแม่มือเท่านั้น

ในทางกลับกัน มีอาวุธสี่ชิ้นที่หลอมสร้างจากผลึกต้นกำเนิดโกลาหล ซึ่งเรียงตามลำดับได้แก่กระบี่ ขวานขนาดมหึมา สายประคำ และตรีศูล

ฟิ้ว!

เงาสายหนึ่งพุ่งตัวออกมา และเคลื่อนที่ไปมาอยู่กลางอากาศ ขณะที่มันกล่าวว่า “อาวุธสามในสี่ชิ้นที่หลอมสร้างจากผลึกต้นกำเนิดโกลาหลก็เพียงพอแล้ว”

เฉินซีตกตะลึง แต่ไม่ใช่เพราะความต้องการสูงเกินไปของหม้อใบจิ๋ว แต่เพราะ…เพราะเขาสังเกตเห็นว่ารูปลักษณ์ของหม้อใบจิ๋วได้เปลี่ยนไปแล้ว!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]