บทที่ 964 เผชิญหน้า
บทที่ 964 เผชิญหน้า
ตามกฎของตระกูลชุย ผู้นำตระกูลคนใหม่จะได้รับเลือกต่อหน้าคนทั้งตระกูล หลังจากที่พิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษเสร็จสิ้นลง
แต่ตอนนี้ พิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษยังไม่ทันได้เริ่มด้วยซ้ำ แต่ชุยฟางจวินก็ไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไป เขาจึงกล่าวอย่างขวานผ่าซากเกี่ยวกับการสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลและการจัดการเรื่องราวภายในตระกูลทั้งหมด เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ทุกคนที่อยู่ ณ ตอนนี้ตกตะลึงเล็กน้อย และตกอยู่ในความเงียบงัน
‘เกิดอะไรขึ้นกันแน่ที่ทำให้ผู้อาวุโสรองดำเนินการล่วงหน้า?’
ความสงสัยผุดขึ้นในใจของทุกคน เนื่องจากทุกคนต่างรู้แน่ชัดว่าตำแหน่งผู้นำตระกูลจะได้รับแต่งตั้งก็หลังจากพิธีไหว้บรรพบุรุษในวันนี้ นอกจากนี้ ตำแหน่งผู้นำตระกูลก็น่าจะตกเป็นของชุยฟางจวิน
แม้จะกระทำการล่วงหน้าอย่างกะทันหัน แต่ถ้ารวมกับที่ชุยเหลิ่งจงและคนอื่น ๆ ออกไปก่อนหน้านี้ มันจึงทำให้เหตุการณ์นี้ดูไม่ปกติ
จะต้องมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!
ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่มีใครสามารถระบุได้
บรรยากาศกดดันและเงียบงันอย่างยิ่ง ไม่มีใครเอ่ยถามใด ๆ มุมปากของชุยฟางจวินเองก็อดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และมันหายไปในพริบตาเมื่อเขาเห็นฉากนี้
ในช่วงเวลาต่อมา สีหน้าของเขากลายเป็นเคร่งขรึม ในขณะที่กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “ในเมื่อไม่มีการคัดค้าน ดังนั้นนับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าชุยฟางจวินจะสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูล…”
“ข้าคัดค้าน!” ในขณะที่เขากล่าวยังไม่ทันจบ เสียงที่ทุ้มเหมือนฟ้าผ่าได้ดังก้องขึ้นมาทันที และมันเสียดหูมากท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบงันนี้
ขวับ!
สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังร่างที่สูงสิบสองฉื่อ เปี่ยมด้วยพลังและไม่ธรรมดาที่ยืนอยู่แถวหน้าอย่างพร้อมเพรียงกัน
ซึ่งเขาก็คือผู้อาวุโสสามของตระกูลชุย ชุยฟางหู่!
ทุกคนต่างมีสีหน้าเข้าใจทันทีเมื่อเห็นสิ่งนี้ และดูเหมือนพวกเขาจะเดาได้ตั้งแต่ต้นว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น พวกเขาถึงกับบางคนส่ายศีรษะไปมา เพราะพวกเขาดูจะรู้แน่ชัดว่าต่อให้มีการคัดค้านก็คงไม่มีประโยชน์อันใด
ในทำนองเดียวกัน บางคนเผยสีหน้าเย็นชาออกมาเล็กน้อย พวกเขาเป็นกองกำลังของผู้อาวุโสรอง และสายตาที่พวกเขาจดจ้องไปยังชุยฟางหู่ก็แสดงความเป็นปฏิปักษ์อยู่บ้าง
มีเพียงชุยฟางจวินเท่านั้นที่ยังคงรักษาสีหน้าที่ไร้อารมณ์ ในขณะที่มองไปยังชุยฟางหู่อย่างเฉยเมยและกล่าวว่า “น้องสาม ในเมื่อเจ้าคัดค้าน งั้นข้าขอถามเจ้า บุคคลใดในตระกูลชุยที่เจ้าคิดว่ามีคุณสมบัติสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลเหมาะสมมากกว่าข้า?”
ชุยฟางหู่ยังคงเฉยเมยเมื่อถูกจ้องมองด้วยสายตามากมาย หรือบางทีเขาพร้อมที่จะเสี่ยงทุกอย่างแล้ว ดังนั้นจึงดูสุขุมและเยือกเย็นมากแทน
“ใครมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งผู้นำตระกูลน่ะหรือ? ข้าคิดว่าพี่รองย่อมรู้ดีกว่าข้า” ชุยฟางหู่กล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ข้าแค่อยากจะถามท่าน ตามกฎของตระกูล ไม่ใช่ว่าผู้ที่มีสายเลือดแห่งการพิพากษาเท่านั้นที่จะสามารถเป็นผู้นำตระกูลหรอกหรือ?”
ชุยฟางจวินดูจะคาดหวังว่าชุยฟางหู่ย่อมต้องกล่าวเช่นนี้อยู่แล้ว เขาจึงพยักหน้าและกล่าวโดยไม่ลังเลว่า “ถูกต้อง”
ทุกคนต่างตกตะลึง เพราะพวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผู้อาวุโสรองจะให้คำตอบเช่นนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเล็กน้อย เพราะหากดำเนินการตามกฎของตระกูลแล้ว เช่นนั้นก็ยังมีอีกหนึ่งคนที่สามารถสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลได้!
เสียงของชุยฟางหู่เข้มขึ้น ในขณะที่เขากล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ชิงหนิงก็ควรดำรงตำแหน่งผู้นำตระกูล เพราะมีเพียงนางเท่านั้นที่มีสายเลือดสอดคล้องกับกฎของตระกูล!”
คราวนี้ชุยฟางจวินกลับส่ายศีรษะและกล่าวว่า “น้องสาม เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ชิงหนิงไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว แม้ว่านางจะปกครองตระกูลชุย แต่นางจะควบคุมตระกูลชุยทั้งหมดด้วยอายุและความแข็งแกร่งของนางได้อย่างไร”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ จู่ ๆ เขาก็ขึ้นเสียง “นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น! หากผู้คนรู้ว่าตำแหน่งผู้นำตระกูลชุยของเราถูกมอบให้กับเด็กหญิงอายุสิบเอ็ดสิบสองปีแล้วละก็ ตระกูลชุยและกรมราชทัณฑ์ของข้าจะยืนหยัดอยู่ในยมโลกได้อย่างไรในภายภาคหน้า?!”
คิ้วของชุยฟางหู่ขมวดเข้าหากันแน่น ขณะที่เขากล่าวว่า “แม้นางจะยังเด็ก แต่นางก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้ ด้วยพรสวรรค์ของชิงหนิง การที่นางจะกลายเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ในอนาคตเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น หลังจากที่นางเข้าสู่ดินแดนเร้นลับในสุสานบรรพบุรุษ และได้รับมรดกจากท่านบรรพบุรุษของตระกูลเรา”
ชุยฟางจวินโบกมือและกล่าวว่า “น้องสาม เจ้าคิดผิดแล้ว สถานการณ์ ณ ตอนนี้ ไม่อาจรอนางให้เติบใหญ่ได้แล้ว!”
เขาหันกลับมาและกวาดสายตามองทุกคน ก่อนจะกล่าวอย่างมั่นใจว่า “ข้าสาบานกับสวรรค์ได้ว่า ตราบใดที่ข้าสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูล ข้าจะนำเข็มทิศปรโลกซึ่งเป็นสมบัติเทวะของตระกูลเรากลับคืนมาภายในหนึ่งร้อยวันอย่างแน่นอน! ในเวลานั้น จะมีใครในโลกนี้ที่กล้าดูถูกกรมราชทัณฑ์อีกหรือไม่? จะมีกองกำลังใดที่กล้าจ้องมองตระกูลชุยของเราด้วยความละโมบอีกบ้าง?”
ทันทีที่กล่าวคำพูดเหล่านี้ ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นยินดี!
เป็นไปตามที่ชุยฟางจวินได้กล่าวไว้ เมื่อเร็ว ๆ นี้ตระกูลชุยประสบกับความขัดแย้งภายในอย่างไม่รู้จบ และไม่ทราบข่าวคราวของเข็มทิศปรโลก ดังนั้นมันจึงเป็นสาเหตุที่กรมราชทัณฑ์ต้องทนทุกข์ทรมาน ในขณะที่กองกำลังอันยิ่งใหญ่ต่าง ๆ ในยมโลกล้วนกำลังจ้องมองมายังตระกูลชุยอย่างละโมบ
ในฐานะคนของตระกูลชุย พวกเขาจะไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้อย่างไร? ดังนั้น เมื่อพวกเขาได้ยินว่าชุยฟางจวินสัญญาอย่างจริงจังว่าเขาสามารถนำเข็มทิศปรโลกกลับคืนสู่ตระกูลได้ และสร้างกองกำลังของตระกูลชุยขึ้นมาใหม่ หัวใจของทุกคนจึงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ชุยฟางหู่จึงเปิดปากของเขาและตั้งใจจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่เขากลับถูกขัดจังหวะด้วยเสียงระลอกหนึ่ง
“ผู้อาวุโสสาม! ผู้อาวุโสรองกำลังคิดเพื่อประโยชน์ของตระกูล โปรดช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายด้วย”
“ท่านลุงสาม ตอนนี้ยังไม่ทราบข่าวคราวของชิงหนิงที่แน่ชัด เหตุใดท่านถึงต้องโต้เถียงกับท่านลุงรองมากมายขนาดนี้?”
“ใช่แล้ว ผู้อาวุโสสาม ท่านควรฟังผู้อาวุโสรอง สถานการณ์ของตระกูลชุยของเราย่ำแย่กว่าในอดีตมาก ท่านเต็มใจที่จะปล่อยให้สถานการณ์ดังกล่าวดำเนินต่อไปอีกหรือ?”
คนในตระกูลชุยหลายคนได้กล่าวอย่างพร้อมเพรียงกัน และดูเหมือนว่าพวกเขาจะพยายามเกลี้ยกล่อมชุยฟางหู่ แต่จริง ๆ แล้วพวกเขากลับสนับสนุนชุยฟางจวินอย่างเปิดเผย
ใบหน้าของชุยฟางหู่ยิ่งมืดมนเมื่อเห็นสิ่งนี้ เขาเงยหน้าขึ้นมองทุกคน ก่อนที่จะมองไปยังชุยฟางจวิน
‘ใช่แล้ว ชิงหนิงยังไม่กลับมาในตอนนี้ ข้าควรจะต่อต้านพี่รองไปจนจบหรือไม่? การกระทำของข้าถูกหรือผิดกันแน่?’
ชุยฟางหู่นิ่งเงียบไป และจิตใจของเขาก็ปั่นป่วนวุ่นวายไปหมด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...
ลงวันละหลายตอนใต้ใหม่ครับ...