บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 976

บทที่ 976 หมู่เกาะหมื่นดารา

บทที่ 976 หมู่เกาะหมื่นดารา

เฉินซีย่อมเข้าใจว่าเหริ่นฉางเฟิงหมายถึงสิ่งใด

หากกล่าวโดยเปรียบเทียบ หวังเยี่ยนเสียชีวิตอย่างอนาถด้วยน้ำมือของทังอวิ๋น ในขณะที่ทังอวิ๋นเสียชีวิตด้วยน้ำมือของเฉินซี ส่วนเหริ่นฉางเฟิงก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากการติดพิษที่ไม่อาจขจัดได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นพุทธศาสนสมบัติอย่างโคมเขียวปัดเป่าภัยพิบัติ หรือม้วนไม้ไผ่ที่จารึกคัมภีร์พระสูตรปัดเป่าภัยพิบัติ สมบัติทั้งสองจะต้องตกไปอยู่ในมือของเฉินซีและเป้ยหลิงอย่างแน่นอน

นี่เป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ และนั่นคือเหตุผลที่เหริ่นฉางเฟิงถอนหายใจด้วยอารมณ์ที่บอกว่ามันเป็นชะตาลิขิต

เขาวางแผนมาเป็นเวลากว่าหนึ่งร้อยปี แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นเช่นนั้น หากไม่ใช่ชะตาฟ้าลิขิต แล้วมันคือสิ่งใด?

เฉินซีไม่กล้าเห็นด้วยกับเรื่องนี้ เขาก้าวตรงไปข้างหน้าและตรวจสอบอาการบาดเจ็บของเหริ่นฉางเฟิงอย่างระมัดระวัง จากนั้นชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น

พิษชนิดนี้ขจัดยากอย่างแท้จริง มันไม่เพียงแพร่กระจายไปทั่วร่างเท่านั้น แต่ยังแทรกซึมถึงดวงวิญญาณอีกด้วย ดังนั้นหากไม่มียาแก้พิษก็ไม่มีทางขจัดมันด้วยวิธีอื่นได้

ยิ่งกว่านั้น ยาพิษชนิดนี้รุนแรงมาก ทุกที่ที่มันแล่นผ่านไป พลังชีวิตก็จะเหือดแห้ง ทำให้มันทรงพลังอย่างมาก และถ้าเฉินซีไม่สามารถช่วยเหริ่นฉางเฟิงได้ ในไม่ช้าเหริ่นฉางเฟิงจะต้องสิ้นชีพโดยไม่ต้องสงสัย

“นี่คือผงกาฬนภาใต้พิภพ มันเป็นยาพิษสูตรลับของนิกายลำธารโลหิต ตามตำนานกล่าวว่า มันกลั่นมาจากดอกปีศาจมันดาลาที่อยู่ใต้ธารโลหิตยมโลก รวมกับปราณชั่วร้ายของซากศพโบราณ เพียงแค่เศษเสี้ยวของมันก็สามารถพรากชีวิตของเซียนสวรรค์ได้ และมีเพียงผู้บรรลุขอบเขตเซียนลึกลับหรือสูงกว่านั้น จึงจะสามารถต้านทานยาพิษนี้ได้” เป้ยหลิงกล่าวด้วยเสียงที่แผ่วเบาจากทางด้านข้าง “ยาพิษชนิดนี้หายากมาก และมีเพียงไม่กี่คนในนิกายลำธารโลหิตที่ครอบครองมัน ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยเขา”

“เนื่องจากยาพิษมาจากทังอวิ๋น บางทีเขาอาจมียาแก้พิษอยู่ในมือ ดังนั้นข้าจะลองไปตรวจสอบดูก่อน” เฉินซีขมวดคิ้วและลุกขึ้นยืน จากนั้นจึงตรงไปที่ศพของทังอวิ๋น และค้นหามันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายศีรษะในที่สุด เพราะนอกจากผลึกใต้พิภพและวัตถุวิญญาณแล้ว ไม่มีสิ่งอื่นที่เป็นประโยชน์ในคลังสมบัติวิเศษของคนผู้นี้เลย

“ขอบคุณเจ้าทั้งสอง แต่นี่คือโชคชะตาของข้า!” เหริ่นฉางเฟิงพยายามที่จะยืนขึ้น ใบหน้าของเขาเขียวคล้ำ ในขณะที่แววตาของเจ้าตัวดูขุ่นมัวไร้ชีวิตชีวา เขาหอบหายใจถี่เร็ว ก่อนที่จะกล่าวด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ข้าเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว หากพวกเจ้าต้องการไปให้ถึงอีกฟากหนึ่งของทะเลทุกข์ ก็จงฟังคำพูดของข้าให้ขึ้นใจ”

“ทะเลทุกข์แห่งนี้ เป็นสถานที่ที่จักรพรรดิยมโลกได้ต่อสู้กับเหล่าทวยเทพเมื่อหลายปีก่อน มันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต และมีพื้นที่หวงห้ามมากมายอยู่ภายในนั้น เจ้าทั้งคู่ต้องจดจำเส้นทางที่ข้าบอกให้ดี เพราะการก้าวผิดเพียงครั้งเดียวจะทำให้ทุกสิ่งที่ตามมาผิดพลาดทั้งหมด และทุกย่างก้าวก็จะเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า ดังนั้นเจ้ามิอาจเคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้า มิฉะนั้น แม้แต่เซียนทองคำก็ยังสูญหายไปในทะเลแห่งนี้…”

หลังจากนั้นไม่นาน เสียงของเหริ่นฉางเฟิงก็เบาลงเรื่อย ๆ ก่อนที่จะเบาลงจนไม่สามารถได้ยินได้…

“เขาจากไปแล้ว” เป้ยหลิงกล่าวจากด้านข้าง

“ฝังเขาเถอะ” เฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าว

เหริ่นฉางเฟิงไม่ลืมที่จะบอกเส้นทางที่จะไปถึงอีกฝั่งของทะเลทุกข์ ก่อนที่จะเสียชีวิต เขาเป็นคนที่รักษาคำพูดและสมควรได้รับความเคารพจากเฉินซี

เฉินซีลงมือเผาเหริ่นฉางเฟิงและหวังเยี่ยนทันที ก่อนที่จะผนึกอัฐิของพวกเขาไว้ในไหสองใบ จากนั้นชายหนุ่มก็โยนมันลงทะเล

ส่วนเป้ยหลิงได้เก็บกวาดสนามรบ และได้รับธนูอมตะ ลูกธนูทองคำสิบสามดอก แหวนสัมฤทธิ์ที่เสียหาย โคมเขียวปัดเป่าภัยพิบัติ และคัมภีร์พระไตรปิฎกโบราณมา

สำหรับทรัพย์สินของเหริ่นฉางเฟิงและหวังเยี่ยน พวกเขาไม่ได้แตะต้องมัน คนทั้งคู่เพียงผนึกมันไว้ในไห จากนั้นจึงปล่อยให้มันจมลงไปในทะเลพร้อมกับอัฐิของเหริ่นฉางเฟิงและหวังเยี่ยน

หลังจากทำเรื่องทั้งหมดนี้เสร็จแล้ว เฉินซีก็ระบุทิศทาง ก่อนจะจากไปพร้อมกับเป้ยหลิง

ฟิ้ว!

กระแสโคลนในทะเลทุกข์ซัดสาด ขณะที่เมฆสีดำเป็นเหมือนภูเขาที่บดขยี้ท้องฟ้า เรือเหาะสมบัติดุจเศษฟางแกว่งไกวไปตามแรงลมและฝน ขณะที่มันบินไปในระยะไกล ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะพลิกคว่ำในชั่วพริบตาต่อมา

แต่กลับน่าประหลาดใจยิ่ง… ไม่ว่าพายุจะโหมกระหน่ำอย่างไร เรือเหาะสมบัติก็ยังมั่นคงดั่งขุนเขา และยังคงบินไปข้างหน้าตามเส้นทางที่แน่นอน ขณะเดียวกันก็หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่น่ากลัวมากมายได้อย่างปลอดภัย

ภายในห้องโดยสาร เฉินซีนั่งขัดสมาธิบนพื้น ในขณะที่นิ้วของเขาลูบเบา ๆ ที่โคมเขียวปัดเป่าภัยพิบัติบนฝ่ามือ

นี่เป็นพุทธศาสนสมบัติตามที่เหริ่นฉางเฟิงว่าไว้ มันเป็นสมบัติที่ถูกทิ้งไว้โดยบุคคลสำคัญจากภพพุทธองค์ และเปลวไฟที่เผาไหม้ไส้ตะเกียงเรียกว่า เปลวเพลิงชำระปัดเป่าภัยพิบัติ มันสามารถทำลายล้างทุกชีวิตและทำลายความชั่วร้ายทั้งหมด …เป็นเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงในสวรรค์และโลก

นอกจากนี้ พื้นผิวของมันยังถูกจารึกด้วยข้อจำกัดสูงสุดของนิกายพุทธ มีข้อจำกัดทั้งหมดสามพันข้อ ซึ่งทุกข้อล้วนมีพลังวิถีพุทธที่ทั้งบริสุทธิ์และทรงพลัง แต่ข้อจำกัดส่วนใหญ่ได้รับความเสียหาย และมีเพียงร้อยกว่าข้อเท่านั้นที่ยังคงสภาพสมบูรณ์

แต่ถึงอย่างนั้น พลังของโคมเขียวปัดเป่าภัยพิบัตินี้ก็ยิ่งใหญ่มากเป็นพิเศษ และเกินขอบเขตของสมบัติอมตะระดับสามัญโดยสิ้นเชิง มันสามารถเทียบได้กับสมบัติอมตะระดับวิญญาณทมิฬ!

“โคมเขียวปัดเป่าภัยพิบัตินี้ได้รับความเสียหายมาก แต่ก็ยังเทียบเท่ากับสมบัติอมตะระดับวิญญาณทมิฬ ถ้ามันได้รับการซ่อมแซมอย่างสมบูรณ์ ข้าสงสัยว่าระดับของมันจะสูงขึ้นไปถึงไหน”

เฉินซีวางโคมเขียวปัดเป่าภัยพิบัติลง ก่อนจะหยิบม้วนไม้ไผ่ขึ้นมา เขาอ่านมันสั้น ๆ ก่อนจะพบว่าพระสูตรที่บรรจุอยู่ภายในนั้น แท้จริงแล้วได้บันทึกวิธีการใช้และวิธีหล่อเลี้ยงโคมเขียวปัดเป่าภัยพิบัติเอาไว้

“ไม่น่าแปลกใจที่เหริ่นฉางเฟิงเสี่ยงชีวิตเพื่อฆ่าวิญญาณชั่วร้าย …เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้โคมเขียวปัดเป่าภัยพิบัติโดยไม่มีพระสูตรนี้ และด้วยเหตุนี้ แม้ว่าเขาจะได้มันมาแล้วก็ตาม แต่มันก็จะไร้ประโยชน์”

เฉินซีถอนหายใจ ก่อนจะจ้องมองไปยังอีกด้านหนึ่ง มันเป็นแหวนสัมฤทธิ์ที่เสียหายซึ่งมีขนาดเพียงกำปั้นเท่านั้น มันไม่แวววาวและมีรอยสนิมเป็นชั้น ๆ

เขาวางมันบนฝ่ามือและพินิจมันอย่างตั้งใจ สิ่งนี้มีน้ำหนักที่หนักมากเหมือนแบกภูเขาเอาไว้ นอกจากนี้ ชายหนุ่มไม่รู้สึกถึงพลังใด ๆ ราวกับว่ามันไร้ซึ่งพลังวิญญาณ

สิ่งนี้ทำให้เฉินซีไม่สามารถละเว้นจากการตกตะลึงได้ เพราะเขาจำได้อย่างชัดเจนว่า เมื่อวิญญาณชั่วร้ายใช้โคมเขียวปัดเป่าภัยพิบัติ ก็เป็นแหวนนี้ที่เกาะติดโคมอย่างเหนียวแน่น ก่อนที่จะถูกมันชิงไป ดังนั้นมันจึงน่าอัศจรรย์และน่าเกรงขามอย่างยิ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]