บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 998

บทที่ 998 หนทางสู่ชีวิตนิรันดร์

บทที่ 998 หนทางสู่ชีวิตนิรันดร์

การกลับแดนภวังค์ทมิฬก็คล้ายกับการได้ผ่านวัฏจักรเวียนว่ายตายเกิดสำหรับเฉินซีกับชิงซิ่วอี้

เพราะเรื่องราวทั้งหมดนั้นน่าตื่นตะลึงนัก เริ่มแรกเฉินซีได้รุกล้ำเข้าไปในนิกายวิถีกระแสสวรรค์เพื่อทำตามสิ่งที่เคยเดิมพันไว้ จากนั้นก็เคราะห์ซ้ำกรรมซัด สุดท้ายจึงต้องสู้กับร่างอวตารของปิงซื่อเทียน

เดิมทีเรื่องนี้ควรจบลงอย่างราบรื่น

น่าเสียดายที่ในจังหวะสุดท้ายดันถูกปิงซื่อเทียนตลบหลัง ชิงซิ่วอี้ถูกบีบให้ต้องเดินทางไปยมโลกผ่านเข็มทิศปรโลก

ตั้งแต่ตอนนั้นเฉินซีจึงถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ได้แต่ต้องเดินทางมายังยมโลกและต่อสู้ด้วยตัวคนเดียว สังหารศัตรูที่ขวางทาง ฝ่าฟันทุกอุปสรรคเพื่อเข้าช่วยเหลือชิงซิ่วอี้จากห้าราชานรกให้ได้

ฟังแล้วก็อาจเป็นเรื่องที่ไม่ซับซ้อน แต่กลับเต็มไปด้วยความยากลำบากมากมาย อาจกล่าวได้ว่าทุกกระบวนการแฝงไปด้วยจิตสังหาร รอบกายเต็มไปด้วยอันตรายถึงชีวิต

ในตอนนี้ที่พานางกลับมาได้แล้ว เฉินซีจึงมีความสุขมาก

“กลับนิกายกระบี่เก้าเรืองรองกันเถอะ” เฉินซีพูดพร้อมรอยยิ้ม

ตอนนั้นพวกเขายืนอยู่ในหุบเขารกร้างว่างเปล่า ซึ่งเป็นที่ที่ชายหนุ่มไม่คุ้นเคย

แต่ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะนับตั้งแต่ที่เฉินซีกลับแดนภวังค์ทมิฬ เขาก็สัมผัสกลิ่นอายของร่างอวตารได้แล้ว ฉะนั้นแค่ตามกลิ่นอายนั้นไปก็จะกลับนิกายกระบี่เก้าเรืองรองได้

ชิงซิ่วอี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่กลับส่ายหน้าให้ “ข้าอยากใช้โอกาสนี้คุยกับเจ้าสักหน่อย”

เฉินซีชะงักไป เขาเดาความคิดชิงซิ่วอี้ไม่ออกอยู่บ้าง แต่ก็พยักหน้าโดยไม่ลังเล “ได้สิ”

หุบเขาว่างเปล่าแห่งนี้ไร้สิ่งอื่นใด มีเพียงหินสีน้ำตาลกระจัดกระจายไปทั่ว ได้ยินเสียงลมหวีดหวิวดังพัดผ่าน ส่งฝุ่นและก้อนกรวดเล็กบนพื้นกระจายขึ้นในอากาศ เกิดเป็นเสียงเล็ก ๆ ท่ามกลางความเงียบสงัด

เฉินซีกับชิงซิ่วอี้นั่งเคียงคู่กันบนยอดภูเขาสูงชันในหุบเขาแห่งนั้น ทั้งคู่เงยหน้ามองท้องฟ้าและผืนดิน มันกว้างใหญ่ไพศาลยิ่งนัก ภาพดวงอาทิตย์กำลังตกดินทอแสงสีแดงเลือดให้บรรยากาศโศกเศร้า

“เมื่อหลายปีก่อนตอนที่ถูกพาเข้านิกายวิถีกระแสสวรรค์จากสมรภูมิบรรพกาล ข้าได้ปิดประตูบ่มเพาะและเร้นกายจากใต้หล้าเพื่อขจัดกรรมจากชาติก่อน ๆ…” น้ำเสียงเย็นชาของนางดังขึ้นข้างหูเฉินซี ชิงซิ่วอี้นั่งกอดเข่า ผมงามพลิ้วไปตามแรงลม นัยน์ตาดั่งดาราประกายคล้ายอัญมณีเจือแววแห่งความทรงจำที่ดูเลือนรางเหมือนเมฆหมอก

“ก่อนข้าจะเวียนว่ายตายเกิดทั้งร้อยครั้ง ข้าเอาชนะทัณฑ์สวรรค์ทั้งเก้าในชั่วข้ามคืน ดังนั้นข้าย่อมมีความสามารถในการขึ้นเป็นเซียน แต่พอถึงจังหวะสุดท้าย ก็มีเสียงจากก้นลึกของจิตใจที่ทำให้ข้ามีความลังเลต่อเต๋าแห่งสวรรค์และชีวิตนิรันดร์ขึ้นมา”

“ตอนนั้นข้าลังเลอยู่นานมากกว่าจะตัดสินใจไปเกิดใหม่ได้ ข้าอยากออกตามหาคำถามในก้นบึ้งของดวงจิตนั้น จากนั้นข้าก็ผ่านการเกิดและตายนับร้อยครั้ง ทุกชีวิตนั้นแตกต่างกัน เลือกทางเดินเต๋าแตกย่อมแตกต่างกันทั้งสิ้น ประสบการณ์ที่สั่งสมมาจากร้อยชีวิตนั้นทำให้ข้ามีโอกาสได้เข้าถึงความลับเต๋าแห่งสวรรค์!”

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ใบหน้างามของชิงซิ่วอี้ก็เกิดความวาดหวังขึ้นมา เป็นภาพที่ดูสุกสกาวเกินกว่าจะหาที่ใดเปรียบ

“ความลับเต๋าแห่งสวรรค์?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฉินซีที่ฟังอย่างเงียบสงบมาตลอดก็สะท้านตกใจอยู่บ้าง เขาไม่เคยคิดเลยว่าความรู้เรื่องเต๋าแห่งสวรรค์ของนางจะสูงส่งถึงเพียงนี้

ความลับเต๋าแห่งสวรรค์เป็นลิขิตแห่งสวรรค์!

ลิขิตแห่งสวรรค์เป็นสิ่งไม่แน่นอน ไร้ตัวตน ไร้ความมั่นคง และกระจายตัวไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ไม่ใช่เพียงสำหรับผู้บ่มเพาะในภพมนุษย์เท่านั้น กระทั่งทวยเทพและพุทธองค์ก็ยังไม่กล้าเอ่ยเรื่องลิขิตสวรรค์อย่างไม่ยั้งคิด

หลายปีก่อนหน้านี้ ปรมาจารย์แห่งเขาเทพพยากรณ์ฝูซีใช้อำนาจแผนภาพวารีหลากเพื่อล่วงรู้ลิขิตสวรรค์ และก้าวไปถึงปลายทางแห่งมหาเต๋าได้

ทว่าหลังจากนางได้ผ่านการตายการเกิดมาแล้วร้อยครั้ง ชดใช้กรรมของเมื่อชาติก่อนจนหมดสิ้น ชิงซิ่วอี้กลับมองลิขิตสวรรค์บางส่วนออก หากข่าวนี้แพร่ออกไปคงได้สะเทือนไปทั่วทั้งแดนภวังค์ทมิฬ หรืออาจจะทั่วทั้งสามภพเลยก็เป็นได้!

“น่าเสียดายที่ข้ามีพลังบ่มเพาะต่ำเกินไป ดังนั้นจึงมองเห็นได้ไม่มาก สัมผัสได้เพียงเลือนรางว่าเส้นทางเต๋าของข้าจะมีการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ในภพเซียน ซึ่งจะทำให้เกิดขึ้นได้ด้วยการเกิดใหม่ ส่วนเรื่องจะเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบใด ข้าเองไม่อาจรู้ได้” ชิงซิ่วอี้ถอนหายใจเล็กน้อย แววตาเผยอารมณ์ขุ่นเคือง

จากนั้นนางก็คลี่ยิ้มมองเฉินซี “เช่นนี้ไม่เหมือนกับการทำนายโชคชะตาตนเองหรือ?”

เฉินซีพยักหน้าเอ่ยตามตรง “โชคชะตา ลิขิตสวรรค์ เส้นทางแห่งเต๋า ไม่แน่ว่าพวกมันอาจเป็นสิ่งที่เราอาจอธิบายไม่ได้มากที่สุดแล้วกระมัง แต่ส่วนตัวแล้วข้าไม่เชื่อเรื่องโชคชะตาหรอกนะ”

“เพราะโชคชะตาของเจ้าถูกปิดบังจากสวรรค์มาตั้งแต่ต้น ในเมื่อเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของลิขิตสวรรค์เอง ย่อมไม่รู้สึกอะไรต่อมันอยู่แล้ว” ชิงซิ่วอี้เอ่ยสิ่งที่น่าตกตะลึงออกมา

เฉินซีชะงักไปก่อนถามขึ้นว่า “เจ้าเองก็รู้หรือ?”

ชิงซิ่วอี้เผยแววประหลาดใจในนัยน์ตาเล็กน้อย “รู้สิ ข้ารู้เรื่องนี้หลังออกจากการปิดด่านบ่มเพาะ”

“ผู้ชมกลับเข้าใจหมากได้ดีกว่าผู้เล่นเองเสียอีก ไม่แน่ว่าสิ่งที่กำหนดกะเกณฑ์ได้ยากที่สุดคงเป็นความคิดของตนเองนี่ล่ะ…” เฉินซีนึกถึงชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากในห้วงจิตสำนึก แล้วอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ โชคชะตาของเขาถูกลิขิตสวรรค์บดบังไว้ แต่ชายหนุ่มกลับเป็น ‘สิ่งแปลกปลอม’ ในสายตาของเต๋าแห่งสวรรค์เสียได้

…มันก็น่าเหลือเชื่อเช่นนี้นี่ล่ะ

“พูดมาจนถึงขนาดนี้แล้ว สิ่งที่ข้าอยากจะบอกก็คือ ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะใช้ชีวิตอยู่อย่างอิสระไร้กังวลหลังจากได้เป็นเซียนสวรรค์ แต่หากเจ้าใฝ่หาชีวิตนิรันดร์ การเป็นเซียนไม่อาจให้สิ่งนั้นเจ้าได้” ชิงซิ่วอี้หน้าขรึม น้ำเสียงเองก็เคร่งเครียด

“ชีวิตนิรันดร์…” เฉินซีมองฟ้าไกลด้วยสายตาว่างเปล่า ในที่สุดก็เข้าใจเส้นทางที่ชิงซิ่วอี้ใฝ่หา …ที่จริงแล้ว มันก็เหมือนกับสิ่งมีชีวิตอื่นบนโลกใบนี้ ไม่มีใครอยากถูกโชคชะตาฟ้าลิขิต อยากมีชีวิตอยู่ไปชั่วกัลปาวสาน

ทว่าชิงซิ่วอี้รู้ดียิ่งไปกว่านั้น และมีความเข้าใจในการดำเนินเดินทางในเส้นทางแห่งเต๋าอย่างลึกล้ำมากกว่า และอยากเดินไปให้สุดทาง

ผ่านไปครู่หนึ่ง เฉินซีก็ส่ายหน้าพร้อมเอ่ยเสียงเย้ยตนเองว่า “ข้าไม่สนใจชีวิตนิรันดร์หรอก อยากก็แต่จัดการหน้าที่ที่แบกไว้บนไหล่ให้เสร็จสิ้นก็เท่านั้น แค่นั้นก็มากพอแล้ว”

“เช่นนั้นหลังจากเจ้าจัดการเรื่องทั้งหมดเสร็จแล้วล่ะ?” ชิงซิ่วอี้ถาม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]