บทที่ 1021 ยึดเมืองหลวงเป่ยตี๋
แม้รู้ดีว่าข้าศึกเตรียมพร้อมอย่างยิ่ง และไม่ว่าจะเป็นกำลังพลพลาธิการหรืออาวุธยุทโธปกรณ์ สองฝ่ายแตกต่างอย่างมหาศาล เพียงอาศัยข้อได้เปรียบด้านจำนวน แล้วกล้าประจันหน้า ไม่ใช่แค่ความโง่เขลาทางทหาร แต่เป็นการรนหาที่ตาย
บนสนามรบกำลังพลเป็นปัจจัยสำคัญที่ตัดสินแพ้ชนะได้ แต่ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบเสมอไป หากคุณภาพทหารและขวัญกำลังพลแตกต่าง แม้มีจำนวนมากก็ยากที่จะส่งผลกระทบ
หากอาศัยเพียงจำนวนที่เหนือกว่าสามารถลบล้างความแตกต่างอื่น ๆ ได้ สนามรบก็คงไม่มีการแบ่งแยกระหว่างทหารผ่านศึกกัทหารใหม่
เหล่าแม่ทัพต่างรู้ดีในใจว่า ฮ่องเต้เป่ยตี๋ไม่ใช่คนไร้ความสามารถ
ตรงกันข้าม ในอดีตฮ่องเต้เป่ยตี๋เคยนำทัพด้วยตนเองที่ชายแดน ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์รบหรือความสามารถในการสั่งการล้วนโดดเด่นยิ่งนัก
ฮ่องเต้เป่ยตี๋ทรงลงมือด้วยกลวิธีที่เลวร้ายก็เพียงเพราะเหตุผลทางการเมืองเท่านั้น
การทหารเป็นส่วนขยายทางการเมือง คำนี้ไม่ผิด แต่หากมุ่งแต่การเมืองโดยไม่สนใจสถานการณ์จริงบนสนามรบ ผลลัพธ์สุดท้ายก็คือเช่นนี้ นั่นคือการสิ้นชาติและพินาศเผ่าพันธุ์!
ทุกคนต่างรู้ดี จุดสำคัญของสงครามครั้งนี้อยู่ที่เมืองฉางสุ่ย
แม้ต้องสูญเสียชเพียงใดก็ต้องยึดเมืองฉางสุ่ยและจับฉินเฟิงให้ได้ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย
การพลาดโอกาสอันดีในช่วงแรกหมายความว่า สำหรับเป่ยตี๋แล้ว แพ้แน่ ไม่มีอะไรต้องพูดอีก
เมื่อเผชิญหน้ากับการเกลี้ยกล่อมของเหล่าแม่ทัพ ผู้บัญชาการสูงสุดย่อมอาศัยโอกาสถอยออกมาอย่างงดงาม ไม่ยึดติดอีก และส่งผู้ใกล้ชิดไปติดต่อกับหลี่จางทันที
เช้าวันรุ่งขึ้น ผู้บัญชาการสูงสุดก็ได้รับจดหมายตอบกลับจากหลี่จาง
เนื้อความในจดหมายเขียนได้อย่างตรงไปตรงมาและเรียบง่ายยิ่ง เพียงไม่กี่บรรทัด สรรเสริญว่าผู้บัญชาการสูงสุดเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ และรับรองว่าหากยอมจำนนด้วยความจริงใจ ไม่ว่าจะเป็นผู้บัญชาการสูงสุดหรือเหล่าทหาร จะไม่ได้รับอันตรายใด ๆ ทั้งสิ้น
ด้วยจดหมายของหลี่จางผู้บัญชาการสูงสุดก็มีความมั่นใจ
“สั่งการลงไป รวบรวมอาวุธทั้งหมดไว้ในที่เด่นชัด และให้เหล่าทหารถอดเกราะ”
เนื่องจากหลี่จางอยู่ใกล้เมืองหลวง และผู้บัญชาการสูงสุดเตรียมพร้อมแล้ว เฉินหล่างคิดหาทางติดต่อฉินเฟิงจึงส่งคนไปยังเมืองฉางสุ่ย แต่ราวกับก้อนหินตกลงทะเลลึก ไร้ซึ่งเสียงตอบรับใด ๆ
ยามคับขัน เฉินหล่างจำต้องพบกับผู้บัญชาการสูงสุดและกล่าวด้วยความอายหน้า “ท่านแม่ทัพใต้เท้าติดต่อฉินเฟิงด้วยตนเอง มิได้มีเจตนาจะทรยศต่อแม่ทัพเพียงแต่ถูกบีบบังคับด้วยสถานการณ์”
“ขอแม่ทัพโปรดอภัย ใต้เท้าขอให้ท่านอย่าถือสาเอาความกับข้า”
มองท่าทางก้มหน้าก้มตาของเฉินหล่าง ผู้บัญชาการสูงสุดย่อมรู้สึกโกรธจนระงับไม่อยู่ แต่ก็ไม่สามารถไต่สวนลึกลงไปได้ เพราะทั้งสองต่างก็ไม่บริสุทธิ์ หากยังคงทะเลาะกันต่อ จะเป็นการให้ฉินเฟิงมองเหยียดหยามไปเสียก่อน
ผู้บัญชาการสูงสุดโบกมืออย่างเฉยเมย แล้วกล่าวว่า “เจ้าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของข้า ย่อมรวมเจ้าไว้ด้วย”
“แต่เพื่อความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงความผิดพลาด ข้าจำเป็นต้องถอดถอนอำนาจทางทหารของเจ้าชั่วคราว กองทัพทั้งหมดจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุม”
เมื่อได้ยิน เฉินหล่างหมดกำลังใจ แต่ก็ปล่อยวางในพริบตา


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ