บทที่ 1028 อินทผลัมหวานกับไม้ใหญ่
ฉินเฟิงโยนปัญหายากกลับไป ผู้ช่วยเสนาบดีกรมพิธีการต้องรับ
อู๋ฟางซวี่อายุห้าสิบปีแล้ว ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเสนาบดีกรมพิธีการมาสิกว่าปี เขาหงุดหงิดนัก มีเหล่าขุนนางมากมายอยู่ที่นี่ และมีเพียงเขาที่จะจัดการเรื่องนี้ได้ การเผชิญหน้ากับฉินเฟิงเพียงลำพังช่างกดดัน
แต่นับตั้งแต่เป่ยตี๋ก่อตั้งแคว้นมาก็ยังไม่เคยมีฮ่องเต้หญิงมาก่อน
ไม่ต้องพูดถึงเป่ยตี๋ แม้แต่ในแคว้นต้าเหลียงก็ไม่เคยมีสตรีขึ้นนั่งบัลลังก์
ไม่ใช่แค่อู๋ฟางซวี่ที่ยอมรับไม่ได้ แต่น่ากลัวว่าทั้งแคว้นเป่ยตี๋และประชาชนก็คงยอมรับไม่ได้เช่นกัน
แต่อู๋ฟางซวี่ก็ทราบดีถึงความสัมพันธ์ของฉินเฟิงกับจิ่งเชียนอิ่ง เขาไม่กล้าปฏิเสธตรง ๆ แล้วก็คิดบางอย่างออก
“ท่านโหวฉิน ข้าคิดเห็นเช่นนี้ ไม่ดีหรือถ้าให้เลือกรัชทายาทขึ้นสำเร็จราชการก่อน รอจนถึงเวลาอันควรค่อย…”
ก่อนที่อู๋ฟางซวี่จะกล่าวจบฉินเฟิงก็ตัดบทอย่างเด็ดขาด “ดี หากเจ้าสามารถหารัชทายาทมาได้ตอนนี้ ข้าก็จะทำตามที่เจ้าว่า”
อู๋ฟางซวี่ถูกตัดลมหายใจอีกครั้ง
ฉินเฟิงกล่าวเยาะ “ใต้เท้าอู๋ เจ้าพูดมากมายก็เพียงเพื่อยืดเวลาใช่หรือไม่?”
“ให้องค์ชายสืบราชบัลลังก์? ช่วงเวลานี้ทั้งแคว้นเป่ยตี๋เชื้อพระวงศ์ที่ไม่ได้อยู่ในพระราชวังมีเพียงหนึ่งเดียวก็คือจิงเผิง!”
“แต่ตอนนี้จิงเผิงหนีไปยังป๋อโจวแล้ว เจ้าลองไปตามเขากลับมาเถิด”
คำพูดนี้ทำให้อู๋ฟางซวี่ตัวสั่น เหล่าขุนนางคนอื่น ๆ หน้าซีดราวกับกระดาษ
จิงเผิง?
เขาร่วมมือกับเฉินซือและอู๋คังหนีไปยังป๋อโจวและยังคงต่อต้านฉินเฟิง ชัดเจนว่าเป็นศัตรู ผู้ใดก็ตามที่กล้าตามตัวจิงเผิงกลับมาย่อมเป็นศัตรูของฉินเฟิงด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย
นอกจากนี้ฉินเฟิงยังกล่าวว่า ตอนนี้เชื่อพระวงศ์ที่ไม่ได้อยู่ในพระราชวังมีเพียงจิงเผิง ชัดเจน ฉินเฟิงแน่ใจว่าเชื้อพระวงศ์องค์อื่น ๆ ล้วนอยู่ในพระราชวัง
หน้าผากของอู๋ฟางซวี่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเย็น ตกใจกับอำนาจของฉินเฟิงที่สามารถสืบหาตำแหน่งของเชื้อพระวงศ์ทั้งหมดได้อย่างรวดเร็วเพียงนี้
ก่อนที่อู๋ฟางซวี่จะตั้งสติได้ ฉินเฟิงก็กล่าวอย่างเย็นชา “องค์ชายที่ซ่อนตัวอยู่ในพระราชวังมีผู้ใดบ้างที่สามารถรับภาระอันยิ่งใหญ่นี้ได้”
เผชิญหน้ากับคำถามของฉินเฟิง อู๋ฟางซวี่แข้งขาอ่อนจนเกือบล้ม
เขารีบแก้ตัว “ท่านโหวฉิน ข้าน้อยมิกล้าคิดร้ายอย่างเด็ดขาด เมื่อเหล่าองค์ชายไม่อาจขึ้นครองบัลลังก์ เช่นนั้นเรื่องการสืบทอดตำแหน่งขอให้ท่านโหวฉินเป็นผู้ตัดสินใจเถิด”
ฉินเฟิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ ไม่รีบร้อนแสดงท่าที เพียงมองขุนนางเป่ยตี๋ด้วยสายตาเย็นชา แล้วกล่าวว่า “ข้าเคยบอกแล้ว ข้าเป็นขุนนางต่างแคว้น เรื่องการสถาปนาฮ่องเต้พระองค์ใหม่ ไม่ใช่หน้าที่ของข้าที่จะต้องพูด”
“พวกเจ้ายัดเยียดให้ข้าตัดสินใจ หรือต้องการสวมความผิดให้ข้าว่าเป็นโจรปล้นแผ่นดินเป่ยตี๋พวกเจ้า?!”
ทุกคนก้มหน้านิ่งเงียบ ฉินเฟิงเอ่ยน้ำเสียงดูถูก “ข้าขอย้ำอีกครั้ง ข้าเป็นเสนาบดีต่างแคว้น ไม่ใช่ขุนนางของเป่ยตี๋ ภายหลังข้าก็จะจากไป เรื่องบ้านเมืองเป่ยตี๋ไม่ใช่หน้าที่ข้าจะตัดสิน”
“แต่บางเรื่องข้าก็สามารถทำได้อยู่ อย่างเช่น…ตัดหัวผู้ใดผู้หนึ่ง!”
“ตอนนี้พวกเจ้าเป็นขุนนาง ไม่ได้หมายความว่าลมหายใจต่อไปจะยังเป็นขุนนาง ตอนนี้ยังหายใจ ไม่ได้หมายความว่าอีกเดี๋ยวจะยังมีชีวิต!”
รับรู้ถึงบรรยากาศดุร้ายรอบตัวฉินเฟิง เหล่าขุนนางเป่ยตี๋ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
ฉินเฟิงแสดงความเป็นมิตรต่อเหล่าขุนนางเป่ยตี๋อย่างเต็มที่แล้ว ทว่าพวกเขากลับยังหวังลม ๆ แล้ง ๆ พยายามประวิงเวลา
ให้อินทผลัมหวานมากแล้ว ก็ควรโบยด้วยไม้ใหญ่บ้าง!
ฉินเฟิงกล่าวอย่างไร้ความปรานี “หากพวกเจ้าคิดไม่ออกว่าผู้ใดเหมาะสม ข้าจะเป็นฮ่องเต้เป่ยตี๋ให้เองดีหรือไม่?”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ