บทที่ 1040 การยึดครองพระราชวัง
เมื่อได้ฟังคำอธิบายของฉินเฟิงหลี่เซียวหลานก็เข้าใจแล้ว
จิ่งเชียนอิ่งกล่าวขึ้นว่า “เฟิงเอ๋อร์ เจ้าไม่ใช่คนนอก!”
ฉินเฟิงตกใจ ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วก็ยิ้มอย่างเข้าใจ เขาเขี่ยจมูกจิ่งเชียนอิ่งเบา ๆ ด้วยความรัก “พวกข้าย่อมเป็นคนในครอบครัว ทว่าสำหรับแคว้นเป่ยตี๋พวกข้ายังคงควรเป็นคนนอก”
ใบหน้าของจิ่งเชียนอิ่งแดงระเรื่อ เอ่ยเสียงเบาลงโดยไม่รู้ตัว “ทำไม? การฟื้นฟูเป่ยตี๋ต่อไปยังต้องอาศัยการสนับสนุนของเจ้า”
ฉินเฟิงยักไหล่ อธิบายอย่างไม่เกรงใจ “การสนับสนุนก็คือการสนับสนุน ข้าเพียงต้องการเป็นพลังภายนอกที่สนับสนุนเจ้าเป็นการส่วนตัว ส่วนแคว้นนี้ยังคงต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้า”
“ถึงอย่างไรข้าก็เป็นคนต้าเหลียง จุดศูนย์กลางก็ยังคงอยู่ที่อำเภอเป่ยซี แม้จะขยายก็ขยายได้เพียงชายแดนเหนือต้าเหลียงและซางโจวสองแห่งเท่านั้น”
“ดินแดนของพวกข้า แม้จะกว้างใหญ่และมั่งคั่ง แต่เมื่อเทียบกับทั้งแคว้นแล้วยังคงเล็กเกินไป”
“หากพัวพันลึกซึ้งภายหลังอาจเกิดการพึ่งพา ง่ายมากที่จะทำให้อำเภอเป่ยซีที่เราสร้างมาด้วยความยากลำบากล่มสลาย”
“กล่าวให้ชัดคือ เป่ยตี๋เป็นเรื่องของเจ้า ส่วนเป้าหมายของข้าย่อมเป็นการสร้างดินแดนของตนเอง”
“อำเภอเป่ยซีเริ่มเห็นผลแล้ว ต่อไปย่อมเป็นการสร้างชายแดนเหนือ รอจนชายแดนเหนือเข้มแข็งพอ ต่อไปจึงจะพัฒนาซางโจว”
พอได้ยินฉินเฟิงกล่าวถึงซางโจวด้วย จิ่งเชียนอิ่งปลื้มใจโดยไม่รู้ตัว
แน่นอนว่าซางโจวเป็นดินแดนของเป่ยตี๋ แม้ตอนนี้ถูกฉินเฟิงยึดครองอยู่ แต่สักวันหนึ่งซางโจวจะกลับคืนสู่เป่ยตี๋และการก่อสร้างของฉินเฟิงในซางโจวก็นับเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่มอบแก่เป่ยตี๋โดยไม่ต้องสงสัย
ถึงฉินเฟิงจะเป็นเพียงขุนนางขั้นโหว แต่ในใจของจิ่งเชียนอิ่ง ฉินเฟิงเป็นดั่งฮ่องเต้
แม้แต่บรรดาสตรีที่ใกล้ชิดฉินเฟิงที่สุด ก็ไม่อาจคาดเดาความคิดของฉินเฟิงได้อย่างถ่องแท้
ตอนนี้ฉินเฟิงยังมีเรื่องสำคัญสามเรื่องที่กดดันอยู่ในใจ
ประการแรก เป็นเรื่องของหลิ่วหงเหยียนกับเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ เป็นความรู้สึกที่ไร้ทางออก
ประการที่สอง เรื่องตระกูลใหญ่ทางใต้แคว้นต้าเหลียง
ประการที่สาม แคว้นเกาชานและแคว้นเยว่จ้าว
เมื่อเป่ยตี๋ถูกยึดครอง ตำแหน่งของแคว้นเกาชานย่อมเปลี่ยนแปลงไป และในครั้งนี้ ถึงแคว้นเกาชานจะไม่ได้เข้าสู่สนามรบหลัก แต่ตรึงกำลังบางส่วนของเป่ยตี๋ไว้ที่ชายแดน ก็ช่วยประหยัดแรงของฉินเฟิงไปได้มาก
แคว้นเกาชานที่เป็นแคว้นเล็ก ๆ มักจะถูกกำหนดนโยบายโดยบุคคลเพียงหนึ่งหรือสองคน
เมื่อปฏิญาณตนย่อมจงรักภักดีอย่างที่สุด แต่เมื่อกบฏก็จะไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ดังนั้นแคว้นเกาชานยังคงเป็นเป้าหมายสำคัญในการบ่มเพาะของฉินเฟิง จำเป็นต้องทำให้ความเป็นไปของแคว้นเกาชานขึ้นอยู่กับเขาอย่างสิ้นเชิง กระทั่งการเปลี่ยนแผ่นดินก็ไม่อาจหนีจากการควบคุมของเขาได้
ยิ่งกว่านั้น ตอนนี้จิ่งเผิงหลบอยู่ป๋อโจว เป็นภัยแฝงใหญ่ เมื่อเริ่มสงครามปราบปรามจิ่งเผิง แคว้นเกาชานจะขาดการสนับสนุนไม่ได้
สำหรับทางตะวันออกเฉียงใต้ของแคว้นเยว่จ้าว แม้กำลังจะไม่อาจเทียบเคียงกับแคว้นต้าเหลียงและเป่ยตี๋แต่ก็เหนือกว่าแคว้นเกาชานมาก หากปราศจากเป่ยตี๋กดดันก็นับเป็นแคว้นที่เข้มแข็งแห่งหนึ่ง
การฉวยโอกาสครั้งนี้ของแคว้นเยว่จ้าวทำให้ฉินเฟิงตระหนัก ต่อไปการปฏิสัมพันธ์กับแคว้นเล็ก ๆ รอบข้างจำต้องระมัดระวังยิ่ง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากแคว้นต้าเหลียงและแคว้นเยว่จ้าวได้ตัดความสัมพันธ์มานาน แม้ว่าองครักษ์เสื้อแพรจะแทรกซึมเข้าไปในแคว้นเยว่จ้าวและได้รับข่าวสารมาไม่น้อย แต่รายละเอียดเฉพาะ รวมถึงสถานการณ์ที่แท้จริงของแคว้นยังคงต้องสำรวจพื้นที่เพื่อยืนยัน
จนถึงตอนนี้ฉินเฟิงยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะรับมือกับแคว้นเยว่จ้าวอย่างไร


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ