บทที่ 1056 ก่อนวันกลับบ้านเกิด
ด้วยพลังของหลี่เซียวหลาน ไม่ต้องกล่าวถึงยามปกติเลย ต่อให้ท้องแก่สิบเดือน ถึงจะมัดองค์หญิงจิ่งฉือสี่ห้าคนเข้าด้วยกัน ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง
ฉินเฟิงยิ้มกว้าง “สมแล้วที่เป็นภรรยาของข้า!”
ใบหน้าเล็ก ๆ ของหลี่เซียวหลานแดงก่ำ แม้นางจะมีประสบการณ์ชีวิตมากมาย แต่เมื่อได้ยินคำว่า ‘ภรรยา’ ก็อดที่จะหน้าแดง ใจเต้นแรงไม่ได้
เจ้าเด็กบ้านี่ ชอบแกล้งนางเสียจริง
“เจ้านี่นะ มาวนเวียนอยู่ข้างกายข้าทั้งวัน มีเวลาก็ไปอยู่กับเชียนอิ่งให้มากหน่อยเถิด”
กล่าวถึงตรงนี้ หลี่เซียวหลานพลันแค่นเสียงเบา ๆ มองฉินเฟิงด้วยสายตาดูแคลน
“ตอนนี้เจ้าอาจจะยังพอรับมือไหว แต่รอกลับไปแคว้นต้าเหลียง ข้าอยากรู้นักว่าเจ้ามีสามหัวหกแขน หรือว่าจะใช้วิชาแยกร่างกันแน่”
ฉินเฟิงรู้ว่าหลี่เซียวหลานกำลังเสียดสีเรื่องอะไร
ตอนนี้ข้างกายเขามีเพียงหลี่เซียวหลานและจิ่งเชียนอิ่ง แต่แคว้นต้าเหลียงยังมีเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์รออยู่อีกคน
นี่เป็นเพียงภรรยาที่แต่งงานอย่างถูกต้องตามประเพณีเท่านั้น ไหนจะยังอนุภรรยาในอนาคตอีกสองคนที่เล็งอยู่อีก
แม้จะมีภรรยาแล้ว ก็ไม่อาจละเลยสองบ่าวรับใช้อย่างเสี่ยวเซียงเซียงกับชูเฟิงได้
อีกทั้ง…
ฉินเฟิงลอบตำหนิตัวเองในใจเรื่องความโลภ กินอยู่ในชามแต่ยังมองหาหม้อ พี่หญิงใหญ่กับพี่หญิงรองเขาก็ไม่อยากปล่อยมือ
ภรรยาห้าคน อนุสองคน?!
ฉินเฟิงหนาวสะท้านไปทั้งแผ่นหลัง ภรรยาคนเดียวยังรับมือยากแล้ว นี่เจ็ดคน! เขาจะไม่ถูกพวกนางฉีกร่างหรอกหรือ?
อ่า!
การมีภรรยาหลายคนก็เป็นเรื่องน่าปวดหัวเหมือนกันสินะ
เอาเถอะ เรื่องในอนาคตค่อยว่ากันทีหลัง เขาขอสนุกกับปัจจุบันก่อนดีกว่า
ฉินเฟิงมองโลกในแง่ดีเสมอ หลังจากอ้อนเอาใจหลี่เซียวหลานอยู่พักใหญ่ เขาวิ่งกระตือรือร้นไปหาจิ่งเชียนอิ่งแต่ผลคือ… จิ่งเชียนอิ่งจิ้มหน้าผากเขาพลางต่อว่ายืดยาว
“เจ้าคนไร้น้ำใจ!”
“มีภรรยาแล้วก็ลืมพี่สาวเสียสนิท”
“พี่หญิงใหญ่เดินทางไกลพันลี้มาหาเจ้า แต่เจ้ากลับวนเวียนอยู่แต่กับข้าและพี่หญิงสามทั้งวัน เท่ากับว่าความรักที่พี่หญิงใหญ่มีให้เจ้าไร้ค่าหรือ?”
จิ่งเชียนอิ่งด่าทอเผ็ดร้อน ทำให้ฉินเฟิงน้อยใจนัก
“พี่หญิงใหญ่ชอบตีข้า…”
จิ่งเชียนอิ่งถลึงตา “ยังตีเบาไปด้วยซ้ำ”
“ไปให้พ้น อย่ามารบกวนข้า ไปหาพี่หญิงใหญ่เถอะ รอกลับถึงแคว้นต้าเหลียงแล้วเจ้ายังต้องชดเชยให้พี่หญิงรองให้ดีด้วย”
“พี่หญิงรองต้องอยู่ในเมืองหลวงเพียงลำพัง คอยดูแลกิจการใหญ่น้อยมากมาย ทำงานหนักโดยไม่บ่นสักคำ”
“ไหนจะอวิ๋นเอ๋อร์อีก บางครั้งแม้แต่ข้าก็ยังนึกโกรธแทนนาง เศร้าใจในโชคชะตาอันไม่เป็นธรรมของนาง และโกรธนางที่นางไม่ต่อสู้เพื่อตัวเอง”
“เดิมนางเป็นภรรยาเอกที่ถูกต้องตามครรลอง แต่สถานะและตำแหน่งกลับตกต่ำลงเรื่อย ๆ แต่นางก็ยังคงรอคอยเจ้า หากเป็นคนอื่น คงเตะเจ้าทิ้งไปนานแล้ว”
หลี่เซียวหลานกับจิ่งเชียนอิ่งสั่งสอนฉินเฟิง จนทำให้ฉินเฟิงรู้สึกว่าตัวเองช่างไร้ค่าเสียจริง
หากไม่ใช่เพราะเขาหน้าด้าน คงจะฆ่าตัวตายเพื่อขอขมาไปนานแล้ว
เพื่อป้องกันไม่ให้หลี่เซียวหลานกับจิ่งเชียนอิ่งโกรธจนกระทบกระเทือนถึงทารกในครรภ์ ฉินเฟิงจะกล้ารบกวนได้อย่างไร เขารีบเผ่นแน่บ ตั้งใจจะไปหาหนิงหู่กับสวีโม่เพื่อหลบลมหลบฝนสักพัก แต่กลับพบว่าทั้งสองคนหายไปแล้ว
“ไม่จริงกระมัง?!”
ฉินเฟิงมองดูศาลาว่าการอำเภอที่ว่างเปล่า ก่อนจะรีบวิ่งไล่ตามออกไปหลายก้าว แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของหนิงหู่แล้ว
องครักษ์ลับคนหนึ่งโผล่ออกมาจากที่ลับตา
“ท่านโหวฉิน แม่ทัพทั้งสองท่านออกเดินทางแล้วขอรับ ให้ข้าน้อยนำความมาบอกท่าน”
“รถม้าเตรียมพร้อมแล้ว นอกจากนี้ยังได้จัดเตรียมองครักษ์ค่ายเทียนจีห้าสิบคน และทหารเป่ยซีหนึ่งร้อยคน เพื่อคอยคุ้มกันท่านและครอบครัวตลอดเส้นทาง”
“หัวหน้าหลิ่วนำองครักษ์เสื้อแพรออกเดินทางล่วงหน้าไปสำรวจเส้นทางแล้ว อีกทั้งยังจัดวางกำลังพลไว้ตลอดทาง รับรองว่าปลอดภัยแน่นอน”
“อีกอย่าง มีเรื่องที่ข้าน้อยไม่แน่ใจว่าควรกล่าวหรือไม่”
ฉินเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ข้า เจ้าโหวน้อย และสวีโม่ ต่างก็เป็นพี่น้อง เป็นสหายร่วมเป็นร่วมตาย มีอะไรจะพูดไม่ได้อีกเล่า?”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ