เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ นิยาย บท 107

บทที่ 107 ไม่อาจหยั่งถึง

องค์หญิงใหญ่ยิ้มบาง ๆ รู้ว่าฉินเฟิงไม่ได้พูดความจริง แต่นางหาได้สนใจไม่ องค์หญิงใหญ่ยื่นงานปักในมือให้นางกำนัล โบกมือเป็นเชิงให้ถอยออกไป นางกำนัลเหล่านั้นจึงถอยไปอย่างรู้งาน

หลังจากไม่มีคนอื่นอยู่ในศาลา องค์หญิงใหญ่ถึงได้หันมามองฉินเฟิงอย่างพินิจพิจารณา แม้ว่าฐานะจะแตกต่างกัน แต่ในฐานะแม่ม่าย องค์หญิงใหญ่ไม่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงข้อครหาเหมือนผู้สูงศักดิ์คนอื่น ๆ นางแค่กวาดสายตามองฉินเฟิงตั้งแต่หัวจรดเท้า แววตามีประกายลึกล้ำไม่ด้อยไปกว่าฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียง

“กิจการบ้านเมืองมีฝ่าบาทและขุนนางเป็นผู้ตัดสิน ในเมื่อตัดสินได้แล้วถือว่าได้ข้อสรุป ส่วนจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกหรือผิดนั้นย่อมถูกตัดสินโดยคนรุ่นต่อ ๆ ไป ไม่มีที่ให้สตรีอย่างข้าตัดสิน”

“วันนี้ข้าเรียกเจ้ามาด้วยเหตุผลสองประการ หนึ่ง ได้ยินมาว่าเจ้ากับเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์รักกัน?”

เมื่อได้ยินชื่อเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ ฉินเฟิงพลันส่ายหัวทันที

สตรีนิยมความผู้รุนแรงนางนั้น เขาหลบหมัดนางแทบไม่ทันด้วยซ้ำ จะไปอยากข้องเกี่ยวกับด้วยได้อย่างไร?

ขณะที่ฉินเฟิงกำลังจะเอ่ยค้าน ฉีหยางจวิ้นจู่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดแทรกเข้ามาว่า “ข้าพูดความจริงเสมอ ฉินเฟิงแม้ว่าเจ้าจะฉลาด แต่เจ้าก็ไม่คู่ควรกับอวิ๋นเอ๋อร์แม้แต่น้อย”

ดูจากความนัยที่กล่าวแสดงให้เห็นว่า ฉีหยางจวิ้นจู่มีความสัมพันธ์อันดีกับเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ไม่น้อย

จริง ๆ ก็เข้าใจได้ไม่ยาก อย่างไรเสีย แวดวงของบุตรหลานในเมืองหลวงจะว่าใหญ่ก็ใหญ่จะว่าเล็กก็เล็ก ตราบใดที่มีฐานะระดับหนึ่ง เงยหน้าไม่พบก้มหน้าก็ได้เจอ

ยิ่งไปกว่านั้น ฉีหยางจวิ้นจู่ยังเป็นคนตรงไปตรงมาเหมือนกับเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ ทั้งสองมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันก็ไม่นับเป็นเรื่องผิดแปลก

เพื่อความปลอดภัย ฉินเฟิงไม่ได้ปฏิเสธออกไปในทันที แต่ใช้อุบายเอ่ยพลางหัวเราะคิกคัก “หากคุณหนูเซี่ยหันมาชอบข้าคงเป็นวาสนาผู้น้อยแล้ว”

ดวงตาของฉีหยางจวิ้นจู่ฉายแววดูถูก นางพูดอย่างตรงไปตรงมา “อวิ๋นเอ๋อร์ชอบเจ้าหรือ? ช่างเป็นเรื่องตลก! คนที่อวิ๋นเอ๋อร์เกลียดที่สุดก็คือคนปากหวานก้นเปรี้ยว รู้จักแต่ใช้กลอุบายอย่างเจ้า หากอยากเอาชนะใจอวิ๋นเอ๋อร์ อย่างน้อยก็ต้องเป็นแม่ทัพ ข้าแนะนำให้เจ้าล้มเลิกความคิดนี้เสีย จะได้ไม่เป็นคางคกอยากกินเนื้อหงส์ที่ทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะ”

ฉินเฟิงไม่ได้โกรธที่ถูกฉีหยางจวิ้นจู่เยาะเย้ย เพราะคนที่เรียกว่าเพื่อนรักต่างเป็นขวากหนามความรักมาตั้งแต่สมัยโบราณ…

นายน้อยฉินเหลือบมององค์หญิงใหญ่ พบว่าองค์หญิงใหญ่ไม่ได้โต้แย้งฉีหยางจวิ้นจู่แต่อย่างใด

มารดาบุตรีคู่นี้เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย คนหนึ่งว่าอย่างไรอีกคนก็ว่าตามกัน นี่ร่วมมือกันเอาชนะเขาอยู่อย่างนั้นหรือ?

สำหรับสาเหตุที่ทั้งคู่อยากให้เขาเอาตัวออกห่างจากเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ ฉินเฟิงยังคิดไม่ตกในตอนนี้ หรืออีกฝ่ายกังวลว่าหลังจากตระกูลฉินกับตระกูลเซี่ยแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กันจะมีอิทธิพลมากเกินไป จนควบคุมได้ยาก? อาจจะเป็นเช่นนั้นก็ได้ ใครจะไปรู้เล่า!

ฉินเฟิงไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีก เมื่อเห็นผลไม้บนโต๊ะ เขาหยิบแอปเปิ้ลขึ้นมาแทะ แสดงท่าทางหยาบกระด้าง และเอ่ยถามต่อ “แล้วอีกเรื่องคืออะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”

ฉีหยางจวิ้นจู่กลอกตาใส่พฤติกรรมหยาบคายของฉินเฟิง แม้ว่านางจะไม่อยากเห็น แต่นางก็ไม่ได้เอ่ยตำหนิ

องค์หญิงใหญ่ยิ้มแย้มพลางเอ่ยเสียงเบา “ได้ยินมาว่าระหว่างทางเข้าวังเจ้าได้พบกับองค์ชายรอง?”

สิ้นประโยคนั้น ฉินเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะผงะไปชั่วครู่

การเข้าพบองค์ชายรองเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนเข้าพระราชวัง นอกจากฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงผู้มีสายพระเนตรกว้างขวาง ข่าวไม่น่าจะแพร่กระจายในพระราชวังได้เร็วขนาดนี้ องค์หญิงใหญ่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? องค์หญิงใหญ่แอบจับตาดูเขาอยู่หรือ? หรือจับตาดูองค์ชายรอง?!

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ