บทที่ 1077 ไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อม
ฉินเฟิงเดินทางเข้าสู่เขตแดนแคว้นต้าเหลียงแม้ว่าระดับความอันตรายจะลดลงมาก แต่ขนาดของขบวนรถม้ากลับไม่ได้ลดลง มีแต่จะเพิ่มขึ้น
นอกจากผู้ติดตามที่นำกลับมาแล้ว จ้าวอวี้หลงและแม่ทัพทั้งสามนำทหารมาด้วยคนละหลายสิบนาย รวมแล้วมีคนเกือบสี่ร้อยคน หากนับรวมกำลังทหารที่เจ้าหน้าที่ตามเส้นทางส่งมาคุ้มกัน ขบวนก็มีขนาดห้าร้อยคนตลอดทาง
ขบวนรถม้าทั้งหมดได้รับการคุ้มครองราวกับถังเหล็ก แม้แต่เข็มก็ไม่อาจแทงทะลุ น้ำก็ไม่อาจซึมผ่าน
ในตอนนี้ หากผู้ใดต้องการทำร้ายฉินเฟิงเว้นแต่จะส่งกองกำลังมามากกว่าหนึ่งพันนาย และต้องเป็นทหารชั้นยอดทั้งหมด จึงจะสามารถสร้างภัยคุกคามให้ฉินเฟิงได้
ส่วนมือสังหาร แม้แต่มือสังหารระดับสูงสุดของสมาคมรายนามสวรรค์ก็ยังต้องเลี่ยงห่างจากขบวนของฉินเฟิง
ตามหลักการแล้ว ไม่น่าจะมีสิ่งใดขัดขวางการเดินทางกลับเมืองหลวงของฉินเฟิงได้
แต่แผนการของมนุษย์สู้การลิขิตของสวรรค์ไม่ได้ เมื่อขบวนเดินทางมาถึงภูเขาหยูผิง ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
แม่นมที่คอยดูแลหนิวเอ้อร์อยู่ในรถม้าด้านหลัง จู่ ๆ ก็วิ่งมาที่รถม้าหลวง ร้องตะโกนผ่านหน้าต่าง
“ท่านโหว คุณชายน้อยป่วยเจ้าค่ะ”
แม้หนิวเอ้อร์จะมีชาติกำเนิดต่ำต้อย แต่ก็ได้เป็นบุตรบุญธรรมของหลี่เซียวหลานแล้ว ดังนั้นการเรียกว่า ‘คุณชายน้อย’ จึงไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
แม้หลี่เซียวหลานจะตั้งครรภ์แล้ว แต่ก็ยังคงห่วงใยหนิวเอ้อร์อย่างมาก เมื่อได้ยินว่าหนิวเอ้อร์ป่วย หลี่เซียวหลานก็ขมวดคิ้วทันที
“เกิดอะไรขึ้น? ก่อนหน้านี้ยังดีอยู่เลย ทำไมถึงป่วยขึ้นมาทันทีเช่นนี้?”
แม่นมแสดงท่าทางกระวนกระวายอย่างมาก หากเกิดเรื่องไม่ดีกับหนิวเอ้อร์ขึ้นมา นางคงรับผิดชอบไม่ไหว
แม่นมไม่กล้าลังเล รีบอธิบายว่า “ตอนที่อยู่ที่ซางโจว คุณชายน้อยก็ดูไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง ข้าคิดว่าเป็นเพราะเหนื่อยล้าจากการเดินทาง จึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก”
“แต่เช้าวันนี้ คุณชายน้อยมีไข้สูงไม่ยอมลด และเมื่อครู่นี้ก็หมดสติไปแล้ว”
อาการหนักถึงเพียงนี้เลยหรือ?! ก่อนที่หลี่เซียวหลานจะทันได้เอ่ยปาก ฉินเฟิงก็รีบถามขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงเข้ม “ทำไมถึงเพิ่งมาบอกตอนนี้?”
เมื่อถูกฉินเฟิงตวาดใส่ แม่นมก็ตกใจจนหน้าซีดขาว รีบอธิบายอย่างร้อนรน
“ท่านโหว ข้าสมควรตาย คิดว่าเป็นเพียงความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง พักผ่อนสักหน่อยก็คงดีขึ้น ไม่คิดว่าจะรุนแรงถึงเพียงนี้”
“ตอนที่มีไข้ขึ้นมา เห็นท่านโหวกำลังติดต่อกับขุนนางท้องถิ่น ข้าเกรงจะรบกวนกิจสำคัญของท่าน จึงไม่กล้ารายงาน”
เมื่อได้ฟังคำอธิบายเช่นนั้น ฉินเฟิงรู้สึกโมโหจนแทบระงับไม่อยู่ มีเรื่องใดจะสำคัญไปกว่าชีวิตของเด็กอีกเล่า?
ต้องรู้ว่าในยุคนี้ แม้แต่อาการปวดหัวตัวร้อนก็อาจคร่าชีวิตคนได้
แต่แม่นมผู้นี้ก็ไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่เผอเรอไปบ้าง ฉินเฟิงจึงไม่อาจตำหนิรุนแรงนัก
ฉินเฟิงให้หลี่เซียวหลานรออยู่ในรถม้า ส่วนตนเองลงจากรถไปตรวจดูที่รถคันหลัง
ในตอนนี้ หนิวเอ้อร์กำลังถูกมารดาอุ้มไว้ในอ้อมกอด ใบหน้าเล็ก ๆ แดงก่ำ และสติสัมปชัญญะก็เริ่มพร่าเลือน ฉินเฟิงยื่นมือไปแตะหน้าผากของหนิวเอ้อร์ ร้อนจนน่าตกใจ
“หรือว่าจะเป็นไข้หวัด?”
เมื่อถูกฉินเฟิงซักถาม มารดาของหนิวเอ้อร์ตอบด้วยน้ำเสียงสะอื้น พลางส่ายหน้าไปมา “ไม่ใช่เจ้าค่ะ ถึงแม้ข้างนอกจะหนาวเหน็บ แต่ในรถม้าก็อุ่นตลอด อีกทั้งยังไม่ได้ปล่อยให้หนิวเอ้อร์โดนลม”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ