บทที่ 1111 โจรสามพี่น้อง
หลังจากสั่งการเสร็จ ฉินเฟิงก็เดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงตามแผนที่วางไว้
แต่เพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น ฉินเฟิงจงใจลดความเร็วในการเดินทางลง
เนื่องจากเกราะของกองทหารม้าทมิฬหนักเกินไป ฉินเฟิงจึงส่งคนไปยังอำเภอใกล้เคียงเพื่อจ้างเกวียนหลายคัน และซื้อม้าจนหมดทุกตัว
กองทหารม้าทมิฬที่ทนทุกข์กับเกราะหนัก มาหลายวัน ในที่สุดก็ได้ผ่อนคลายเสียที
พวกเขาต่างถอดเกราะออก นำเกราะหนักที่มีราคาแพงไปวางบนเกวียน หรือให้ม้าบรรทุกของลากไป แม้แต่แผ่นเกราะบนตัวม้าศึกก็ถูกถอดออกทั้งหมด
แม้แต่ม้าศึกก็ยังกระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้นที่รู้สึกเบาตัวขึ้น
ด้วยเหตุนี้ กองทหารม้าทมิฬห้าสิบนายในชุดเกราะหนัก จึงกลายเป็นทหารม้าเบาไร้เกราะ หากเวลานี้เจอกองทหารม้าโจมตี คงต้องเสียท่าแน่
แต่ที่นี่ก็อยู่ในเขตแดนแคว้นต้าเหลียง นอกจากจะมีกลุ่มกบฏมาลอบสังหารฉินเฟิงก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยมากนัก
แต่เพื่อความไม่ประมาท ฉินเฟิงยังคงส่งกองทหารม้าทมิฬห้านายออกไปทำหน้าที่ ‘ทหารลาดตระเวน’ รวมกับองครักษ์เสื้อแพรที่คอยเคลื่อนไหวอยู่รอบ ๆ ถือว่าสร้างพื้นที่ปลอดภัยในรัศมีสิบลี้
เมื่อมีเกวียน แม่ลูกหนิวเอ้อร์ก็สบายขึ้นมาก อย่างน้อยก็ไม่ต้องนั่งโยกเยกบนหลังม้า
ในขณะที่ฉินเฟิงกำลังรอจ้าวอวี้หลงที่ไปติดต่อองครักษ์เสื้อแพรในป่าเล็ก ๆ ห่างจากฉินเฟิงไม่ถึงยี่สิบลี้ มีโจรราวยี่สิบกว่าคนกำลังวางแผนบางอย่างอยู่
ผู้นำคือ อู๋เหอลี่
“ท่านหัวหน้า! พบฉินเฟิงอยู่บนถนนหลวงห่างออกไปยี่สิบลี้!”
เมื่อได้ยินรายงานจากสายลับ ทุกคนในที่นั้นก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที
ฉางเฉิงไม่กล้าลังเลแม้แต่น้อย รีบลุกขึ้นยืนและถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “พวกเขาตามมาไล่ล่าพวกเราหรือไม่?”
สายลับส่ายหน้าซ้ำ ๆ “ไม่น่าใช่ พวกเขาถอดเกราะหนักออกหมดแล้ว ไม่ใช่ท่าทีที่จะรบแน่นอน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉางเฉิงถึงได้ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก เขากลัวฉินเฟิงจริง ๆ
ทว่าเฉินเหยียนจงกลับดูตื่นเต้นมาก ตาเบิกโพลง พยายามลุกขึ้นยืนทั้งที่ขาบาดเจ็บ โงนเงนไปมา
“ดีมาก!”
“พี่ใหญ่ กองทหารม้าทมิฬของฉินเฟิงถอดเกราะออกหมดแล้ว นี่เป็นโอกาสดีที่หาได้ยาก พวกเราควรจู่โจมพวกเขาตอนที่ไม่ทันตั้งตัว”
อู๋เหอลี่ไม่ลังเลแม้แต่น้อย ยกมือห้ามข้อเสนอของเฉินเหยียนจงทันที
“เมื่อไม่มีเกราะหนักถ่วง กองทหารม้าทมิฬกลับจะยิ่งอันตรายกว่าเดิม!”
“เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าฝีมือธนูของกองทหารม้าทมิฬแม่นยำเพียงใด?”
“ทหารม้าหนักไม่ถนัดการไล่ล่า แต่เมื่อถอดเกราะออกกลายเป็นทหารม้าเบาหากพวกเราโผล่หน้าออกไป จะต้องถูกไล่ล่าจนแทบสิ้นซาก”
“ในเมื่อฉินเฟิงไม่รู้ร่องรอยของพวกเรา ก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เฉินเหยียนจงก็หมดแรงทันที
เขารู้สึกเสียใจในใจ ตอนที่แอบเข้าไปในอำเภอหยูผิง และสังหารอู๋เฉิงกง พวกเขาพลาดทำให้ชาวบ้านตื่นตระหนก จึงต้องรีบหนีออกมา มิเช่นนั้นก็คงได้ธนูและเกราะมาบ้างแล้ว
“พี่ใหญ่ คราวนี้พวกเราไปอำเภอหมิง จะต้องหาทางเอาอาวุธและเกราะที่ใช้การได้มาให้ได้”
ไม่พูดเสียยังดี ฉางเฉิงจ้องมองด้วยสายตาไม่พอใจ
“หากจับตัวได้ แค่มีอู๋เฉิงกงเป็นตัวประกัน จะกลัวอะไรว่าไม่มีอาวุธ?”
“คราวนี้ไปอำเภอหมิง เจ้าอย่าได้ทำอะไรบุ่มบ่ามอีก!”
ในตอนนั้นเอง อู่เหอลี่พูดด้วยสายตามุ่งมั่น “ไม่ไปอำเภอหมิงแล้ว!”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ