บทที่ 1114 ของขวัญจากฮองเฮาหนานกง
เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องยุ่งยากและไม่ให้เสียเวลาในการแต่งงาน หลังจากเข้าสู่เขตเมืองหลวงแล้ว นอกจากการพักผ่อนที่จำเป็น ฉินเฟิงก็ไม่ได้เสียเวลาไปกับสิ่งใดอีก
ขณะที่ฉินเฟิงกำลังเตรียมตัวมุ่งหน้ากลับเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
เมื่อขบวนเดินทางมาถึงอำเภอฉือ ห่างจากอำเภอฝูอวิ้นเพียงไม่ถึงห้าสิบลี้ ชาวบ้านกว่าสิบคนก็พุ่งออกมาจากริมทาง พวกเขาเข้ามาใกล้ขบวนพลางโบกมือร้องตะโกนไปด้วย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ทำให้ฉินเฟิงตกใจ
ภายใต้การคุ้มกันสองชั้นของทหารลาดตระเวนและองครักษ์เสื้อแพรเหตุใดจึงมีคนมากมายสามารถเข้ามาใกล้ขบวนได้ถึงเพียงนี้
หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายสวมเสื้อผ้าผ้าดิบหยาบ ๆ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นมิตรหรือศัตรู ฉินเฟิงก็คงต้องจัดการเสมือนเป็น ‘การโจมตีของศัตรู’
หลังจากยืนยันว่าอีกฝ่ายไม่ได้สวมเกราะและไม่มีอาวุธ ฉินเฟิงจึงสั่งให้กองทหารม้าทมิฬลดธนูลง แต่เพื่อความปลอดภัย กองทหารม้าทมิฬครึ่งหนึ่งยังคงถือแหลนม้าเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน
“ท่านโหวฉินช่วยด้วย!”
“ท่านโหวฉินในที่สุดท่านก็มาแล้ว”
เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของชาวบ้าน ฉินเฟิงขมวดคิ้วแน่นขึ้น
ไฉนชาวบ้านธรรมดาเหล่านี้จึงรู้ตัวตนของข้าได้
ก่อนที่ฉินเฟิงจะทันได้ตอบสนอง จ้าวอวี้หลงก็โบกมือสั่งการ ในพริบตา กองทหารม้าทมิฬยี่สิบนายก็พุ่งเข้าไป กันชาวบ้านกว่าสิบคนให้อยู่ห่างจากฉินเฟิงสามสิบก้าว พร้อมล้อมวงเอาไว้
เมื่อเผชิญหน้ากับแหลนม้าอันแหลมคมที่ล้อมรอบ และสายตาดุดันของกองทหารม้าทมิฬชาวบ้านต่างตกใจกลัว
พวกเขาเบียดกันอยู่ สีหน้าซีดขาว ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
เนื่องจากเหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน จ้าวอวี้หลงไม่มีเวลาสวมเกราะ เพียงแค่คล้องเกราะอกชิ้นเดียวก็ควบม้าพุ่งเข้าไป
“พวกเจ้าเป็นใครกัน!”
เสียงทุ้มต่ำของจ้าวอวี้หลงแฝงไปด้วยความกดดัน ชาวบ้านพากันตัวสั่นด้วยความกลัว ผู้ที่ขี้ขลาดถึงกับคุกเข่าลงกับพื้น
“ท่านแม่ทัพพวกข้าน้อยอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านตระกูลหลี่ในอำเภอฉือ ล้วนเป็นสามัญชนธรรมดา”
ชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบที่ยืนอยู่หน้าสุด ขาสั่นด้วยความประหม่า เขาเหลือบมองไปทางฉินเฟิงที่อยู่ไม่ไกล แล้วถามอย่างระแวดระวังอีกครั้ง “ข้าน้อยขออนุญาตถามสักคำ ท่านที่อยู่ข้างหน้าโน้นคือท่านโหวฉินใช่หรือไม่?”
จ้าวอวี้หลงมองด้วยสายตาเย็นชา ระแวดระวังอย่างเต็มที่ “ในเมื่อเป็นแค่สามัญชนธรรมดา เหตุใดจึงรู้ความเคลื่อนไหวของท่านโหวฉิน?”
“จงบอกความจริงมา มิเช่นนั้นจะจับกุมในข้อหาเป็นสายลับ!”
ชายวัยกลางคนตัวสั่นเทาด้วยความกลัว จะกล้าลังเลได้อย่างไร?
“เรียนท่านแม่ทัพข้าน้อยชื่อหลี่ชุ่น เป็นผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านตระกูลหลี่”
“คนเหล่านี้ล้วนเป็นชาวบ้านจากหมู่บ้านตระกูลหลี่ พวกข้าไม่ใช่สายลับแน่นอน”
“ที่พวกข้ารออยู่ที่นี่เพื่อพบท่านโหวฉินเพราะมีคนบอกว่าท่านโหวฉินจะผ่านมาทางนี้ พูดตามตรง พวกข้ารออยู่ที่นี่หนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น จ้าวอวี้หลงก็ยังไม่ลดความระแวดระวังลงแม้แต่น้อย
“เหตุใดจึงต้องมารอท่านโหวฉินที่นี่?”
“และผู้ใดเป็นคนบอกพวกเจ้าว่าท่านโหวฉินจะผ่านมาทางนี้?”
“บอกข้ามาให้หมด หากเรื่องนี้นำอันตรายมาสู่ท่านโหวฉินพวกเจ้าทุกคนจะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก”
หลี่ชุ่นกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก พูดอธิบายด้วยความสั่นเทา
“เมื่อสามวันก่อน จู่ ๆ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาในหมู่บ้าน ฆ่าทุกคนที่พบเห็น”
“ชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านกว่าสิบคนถูกลงมือสังหาร ส่วนคนชรา สตรี และเด็กถูกจับตัวไป”



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ