บทที่ 1171 เมืองกูซูถูกปิดล้อม
ฉินเฟิงชนะศึกแรกอย่างงดงาม ทั่วทั้งค่ายทหารพลันขจัดบรรยากาศอึมครึมออกไป เหล่าทหารมีขวัญและกำลังใจสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ในทางกลับกัน บรรยากาศภายในเมืองกูซูกลับหดหู่
หลินเวินหว่านไม่ได้ติดใจอะไร นางจากกำแพงเมืองกลับไปยังที่พัก
ส่วนเหล่าแม่ทัพเพราะความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ แบ่งออกเป็นสองฝ่ายโดยตรง
ฝ่ายหนึ่งย่อมสนับสนุนหลินเวินหว่านอย่างเต็มที่ อีกฝ่ายกลับเห็นว่าความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ล้วนเป็นความผิดจากการบัญชาการผิดพลาดของหลินเวินหว่านพวกเขาเป็นฝ่ายต่อต้านนาง
แม้ภายนอกจะไม่ได้วุ่นวายรุนแรง แต่กระแสใต้น้ำก็เริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว
หลินเวินหว่านย่อมรู้เรื่องนี้ดี ด้วยเหตุนี้นางจึงตัดสินใจจากกำแพงเมืองไป ไม่ราดน้ำมันลงบนกองไฟต่อ
หวังเคิงที่ติดตามหลินเวินหว่านมาตลอดรู้สึกโกรธแค้น
“หลินฮูหยิน การรบครั้งนี้เป็นผลจากการตัดสินใจร่วมกันของเหล่าแม่ทัพทั้งหมด”
“บัดนี้พ่ายแพ้สงคราม ผู้คนมากมายกลับโยนความรับผิดชอบทั้งหมดมาที่ท่านเพียงผู้เดียว ช่างน่าโมโหจริง ๆ !”
หลินเวินหว่านรับน้ำชาเย็นที่สาวใช้ส่งให้ จิบเบา ๆ พูดอย่างไม่ใส่ใจ “เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ จะโกรธไปทำไม?”
“เมื่อเทียบกับฉินเฟิงจุดด้อยที่สุดของพวกเราก็คือความไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน”
“แม้ว่าการรบครั้งนี้จะพ่ายแพ้และส่งผลต่อขวัญกำลังใจทหารอยู่บ้าง แต่สำหรับเมืองกูซูแล้ว ยังอยู่ในขอบเขตที่ยอมรับได้”
“ก่อนที่จะปะทะกับฉินเฟิงอีกครั้ง ควรหาวิธีลบล้างจุดด้อยเสียก่อน”
หวังเคิงแม้จะเป็นแม่ทัพ แต่ก็เข้าใจความนัยแฝงในคำพูดของหลินเวินหว่าน
ในเมืองมีผู้ที่คัดค้านหลินเวินหว่านอยู่ไม่น้อย เก้าในสิบล้วนเป็นคนของผู้ว่าการเจียงหนานเมื่อหลินเวินหว่านแย่งชิงอำนาจมา พวกเขาย่อมไม่ยอมรับ
หากต้องการให้ทุกคนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และร่วมต่อต้านศัตรู ก็จำเป็นต้องกำจัดปัจจัยที่ก่อความไม่สงบเหล่านี้ให้หมด
น่าเสียดายที่คนพวกนี้ล้วนมีอำนาจในมือ การจะกำจัดพวกเขาจะง่ายได้อย่างไร
หากเกิดความวุ่นวายภายในขึ้นมา ก็จะยิ่งเสียมากกว่าได้
“หลินฮูหยิน เรื่องนี้อันตรายไม่แพ้ฉินเฟิงเลยขอรับ”
เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของหวังเคิง หลินเวินหว่านกลับหัวเราะเบา ๆ
“ข้ารู้ดี จึงได้อดทนกับพวกเขามาจนถึงตอนนี้”
“ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ สำหรับพวกเราไม่ใช่เรื่องเลวร้าย เมื่อพวกเขาผลักความรับผิดชอบมาให้ข้าได้ พวกเราก็ย่อมใช้วิธีเดียวกันนี้ตอบโต้พวกเขาได้เช่นกัน”
“เพียงแค่มีแม่ทัพจำนวนมากพอสนับสนุนข้า ก็สามารถใช้เสบียงแลกอำนาจทางทหารได้”
การใช้เสบียงแลกอำนาจทางทหาร พูดดูเหมือนง่าย แต่แฝงไปด้วยอันตราย
หากหลินเวินหว่านไม่มีผู้สนับสนุนที่เพียงพออยู่เคียงข้าง ถึงแม้นางจะมีเสบียงอาหารและทรัพยากรอยู่ในมือ ก็ไม่อาจรักษาเมืองไว้ได้
ในทางกลับกันหากหลินเวินหว่านสามารถควบคุมทรัพยากรในเมืองได้อย่างมั่นคง เพียงแค่บีบคั้นเล็กน้อย พวกฝ่ายตรงข้ามก็จะประสบหายนะราวกับน้ำท่วมหัว
มันไม่ใช่การเปลี่ยน แต่เป็นการแย่งชิงมากกว่า
หลินเวินหว่านมองหวังเคิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความนัย
“แม่ทัพหวัง พูดถึงที่สุดแล้ว ข้าเป็นได้เพียงที่ปรึกษา ไม่อาจเป็นแม่ทัพใหญ่ได้”
“แต่แม่ทัพใหญ่แห่งเมืองกูซู จำเป็นต้องเป็นคนสนิทของข้า และต้องสามารถปฏิบัติตามคำสั่งของข้าอย่างเคร่งครัด”
“หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น ข้าคงไม่วางใจ”
ดวงตาของหวังเคิงเป็นประกาย เมื่อตระหนักว่าหลินเวินหว่านมีความตั้งใจจะสนับสนุนเขาให้เป็นแม่ทัพใหญ่ เขาย่อมตื่นเต้นยินดีอย่างที่สุด
เพียงแค่ได้เป็นแม่ทัพใหญ่แห่งเมืองกูซู ในอนาคตเมื่อได้ขับไล่ฉินเฟิงและรักษาดินแดนทางใต้ให้มั่นคง เขาก็จะกลายเป็นแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งแห่งดินแดนทางใต้ ไม่มีผู้ใดสามารถสั่นคลอนตำแหน่งของเขาได้
นี่มันช่างเป็น… การก้าวกระโดดขึ้นสู่สวรรค์ในก้าวเดียว!
หวังเคิงคุกเข่าลงทันที พร้อมคำนับอย่างแรง “ขอหลินฮูหยินวางใจ ข้าน้อยกับหลินฮูหยินยืนอยู่แนวเดียวกัน จะไม่มีวันสั่นคลอนแม้แต่น้อย”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ