บทที่ 120 ศัตรูคนเดียวกัน
จ้าวฉางฟู่คิดว่าหูของเขามีปัญหา เมื่อเช้านี้หอสุราธารหยกยังคงอยู่ในช่วงการตกแต่งอยู่เลย เหตุใดจึงจะเริ่มทดลองเปิดให้บริการในตอนเย็นเสียแล้วเล่า?
หรือเป็นเพราะว่าเจ้าสารเลวฉินเฟิงกังวลว่า ราตรียาวนานความฝันมากมาย*[1] เขาจึงรีบไล่ต้อนเป็ดขึ้นชั้น*[2]?
เป็นเรื่องจริงที่การตกแต่งหอสุราธารหยกนั้นยังไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะห้องส่วนตัวชั้นบน หลี่หมิงกำลังนำเหล่าช่างให้ทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน แต่ไม่ว่างานจะเดินเร็วเพียงใดก็ยังสร้างไม่เสร็จจนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้
อย่างไรก็ตามห้องโถงชั้นหนึ่งเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อย และสามารถเปิดให้บริการต้อนรับแขกได้แล้ว
เหตุผลที่ฉินเฟิงเลือกทดลองเปิดทำการตอนนี้ก็เพื่อตบตาผู้คน
ตอนนี้ความสนใจส่วนใหญ่ของเมืองหลวงรวมอยู่ที่หอเซียนเมามาย เมื่อไม่มีพวกสารเลวมาสร้างปัญหาจึงเป็นโอกาสดีสำหรับฉินเฟิงที่จะประชาสัมพันธ์เรื่องหอสุราธารหยก
นอกจากนี้ยังเป็นการทดลองเปิดให้บริการ โดยกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายไปที่ปัญญาชนและขอทานด้วย
อย่างไรก็ตาม เพื่อหลีกเลี่ยงความกังวลของเหล่าปัญญาชน ย่อมต้องรอจนกว่ากลุ่มปัญญาชนจะเพลิดเพลินกับอาหารเสร็จเสียก่อน จากนั้นจึงค่อยเลี้ยงขอทานทีหลัง
ไม่ว่าจะเป็นปลายพู่กันของปัญญาชนหรือสองขาขอทาน พวกเขาล้วนสามารถช่วยประชาสัมพันธ์หอสุราธารหยกสำหรับการเปิดอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ได้เป็นอย่างดียิ่ง
ระหว่างทางไปหอเซียนเมามายฉินเฟิงได้บอกหลินฉวีฉีไว้ว่า อีกฝ่ายเป็นปัญญาชนและเป็นบัณฑิตขงจื๊อที่มีชื่อเสียงทางจากเจียงหนาน มีเขาคอยควบคุม เหล่าปัญญาชนย่อมพยักหน้ายอมรับ
ทุกคนในเมืองหลวงรู้ถึงบุญคุณความแค้นระหว่างฉินเฟิงกับหอเซียนเมามาย แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าหอสุราธารหยกจะเปิดตามกำหนดได้ แม้ก่อนหน้านี้จะประสบกับอุปสรรคครั้งใหญ่
แต่เปิดร้านแล้วอย่างไร? หอสุราทรุดโทรมที่ดันทุรังเปิดจะเทียบกับหอเซียนเมามายที่เปิดกิจการมาหลายปีได้อย่างไร?
ไม่เพียงแต่ทุกคนจะไม่ชอบฉินเฟิงเท่านั้น พวกเขายังแสดงท่าทีไม่พอใจ และคิดที่จะใช้โอกาสนี้ขีดเส้นแบ่งให้ชัดเจนกับฉินเฟิงเพื่อผูกสัมพันธ์กับองค์ชายรอง
“เดิมทีคิดว่าฉินเฟิงสามารถกุมธุรกิจน้ำตาลไว้ในมือได้ แม้ว่าจะไม่ใช่อัจฉริยะทางการค้า แต่อย่างน้อยก็มีคุณสมบัติของพ่อค้าที่เฉลียวฉลาด คาดไม่ถึงว่าบัดนี้จะกล้าท้าทายอำนาจของหอเซียนเมามาย สมองเขาคงมีปัญหาโดยแท้”
หลงจู๊ของหอเซียนเมามายกลุ่มหนึ่งที่นั่งอยู่อดไม่ได้ที่จะลอบขบขัน
“หอเซียนเมามายได้รับการสนับสนุนจากองค์ชายรองและเปิดกิจการในเมืองหลวงมาหลายปีแล้ว ไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงเท่านั้น แต่ฐานลูกค้ายังค่อนข้างมั่นคง แม้ว่านับจากนี้จะไม่มีลูกค้าขาจร แต่เพียงแขกที่ต้องการประจบประแจงองค์ชายรองก็เพียงพอให้หอเซียนเมามายเป็นหอสุราอันดับหนึ่งในเมืองหลวงได้ตลอดกาลแล้ว”
“ถูกต้อง ถึงจะจับลูกค้าขาจรสิบคนผูกติดกันก็เทียบไม่ได้กับกำไรที่ได้รับจากลูกค้าเก่าหนึ่งคน อย่าถามว่าฉินเฟิงจะสามารถแย่งตำแหน่งของหอเซียนเมามายไปได้หรือไม่เลย เจ้าฉินเฟิงนั่นขู่ว่าจะโค่นหอเซียนเมามาย แต่ต่อให้ฉินเฟิงปล้นนักเดินทางทั้งหมดในเมืองหลวง เขาก็ยังไม่มีทางโค่นหอเซียนเมามายลงได้!”
“เมื่อพิจารณาจากความสัมพันธ์ในปัจจุบันของฉินเฟิงกับองค์ชายรอง การไปหอสุราของฉินเฟิงก็เทียบเท่ากับการตบหน้าองค์ชายรอง ผู้ใดเล่าจะเสี่ยงเช่นนั้น?”
“นี่เป็นเรื่องจริง ฉินเฟิงลำพอง เพ้อฝันเกินไปแล้วกระมัง คิดว่ากิจการทั้งหมดในใต้หล้านี้เหมือนกันหรืออย่างไร? ฮ่าฮ่า คอยดูเถิด เงินทั้งหมดที่ฉินเฟิงได้จากน้ำตาลอ้อยจะละลายหายไปกับหอสุราอย่างแน่นอน ความปากไว ทำให้เขายกหินทุบเท้าตัวเองแล้ว”
คราแรกจ้าวฉางฟู่กังวลเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเจ้าสารเลวฉินเฟิงผู้นี้ก็ขึ้นชื่อเรื่องแผนการสกปรก
แต่เมื่อได้ยินความคิดเห็นจากคนรอบข้าง ความกังวลเส้นสุดท้ายของเขาพลันสลายหายไป เขารู้สึกว่าตนเองน่าขันนัก ถูกงูกัดเพียงครั้งเดียวก็กลัวเชือกบ่อน้ำเป็นสิบปีได้ เขาให้ความสำคัญกับฉินเฟิงมากเกินไปจริง ๆ
กิจการหอสุรานี้ไม่ได้ดีไปกว่าน้ำตาลอ้อย อาหารคือความเป็นไปของโลก หากยกลูกค้าประจำของหอเซียนเมามายเป็นตัวอย่าง แม้ว่าฉินเฟิงจะจ่ายเงินให้ อย่างไรลูกค้าประจำของหอเซียนเมามายก็จะไม่ไปใช้จ่ายที่หอสุราธารหยกนั่นแน่นอน เมื่อไม่มีแขก ‘กระเป๋าหนัก’ เหล่านี้ ไหนเลยเจ้าฉินเฟิงตัวดีจะสามารถสร้างคลื่นลมใด ๆ ได้
ฉินเฟิงไม่ได้แก้ตัว จุดประสงค์ของวันนี้ก็เพียงเพื่อประกาศข่าวการเปิดร้านให้ทุกคนทราบเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วลูกค้าจะมาประดุจเมฆลอย หรือหน้าประตูจะกางตาข่ายจับนกได้*[3] ย่อมจะได้รับรู้ในวันพรุ่งนี้


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ