บทที่ 1208 เหล่าบุรุษแห่งแคว้นเยว่จ้าว
ดูเหมือนว่าเป็นไปตามที่ฉินเฟิงคาดการณ์ไว้ อู๋เหอลี่ได้ละทิ้งเฉินเหยียนจงแล้ว ไม่ใช่เพราะทรยศหักหลัง แต่เพราะคนอย่างเฉินเหยียนจงที่ฆ่าผู้บริสุทธิ์อย่างไร้ปรานี หากเก็บไว้ข้างกาย ไม่ช้าก็เร็วจะก่อเรื่องใหญ่
อีกทั้งเฉินเหยียนจงยังมีที่ปรึกษาทางการทหารอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นการตัดสินใจหยุดความเสียหายอย่างทันท่วงทีเช่นนี้ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ
“เจ้าเพิ่งพูดว่า… อู๋เหอลี่ไม่เห็นด้วยกับการทำลายหมู่บ้านหรือ?”
เหล่าโจรพยักหน้าหงึก ๆ “ถูกต้อง ก่อนหน้านี้ตอนสังหารหมู่ที่หมู่บ้านต้าเถียน เพราะทหารใต้บังคับบัญชาล่วงเกินชาวบ้าน อู๋เหอลี่ถึงกับลงโทษทหารที่ก่อเรื่องต่อหน้าธารกำนัล เกือบทำให้เกิดการกบฏในกองทัพ”
“หากไม่ใช่รองแม่ทัพระงับเหตุการณ์ได้ทันเวลา เกรงว่าอู๋เหอลี่คงถูกทหารที่โกรธแค้นฆ่าไปแล้ว”
ก่อนหน้านี้ฉินเฟิงยังรู้สึกแปลกใจ ช่วงเวลานี้หมู่บ้านที่ถูกสังหารหมู่ มีแต่ผู้ชายเท่านั้นที่ตาย ส่วนคนชรา เด็ก และสตรีแทบไม่มีการบาดเจ็บล้มตาย
เขาคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เมื่อได้รู้ความเป็นมาเป็นไป ฉินเฟิงจึงเข้าใจในที่สุดว่า อู๋เหอลี่ยังพอมีความเป็นมนุษย์อยู่บ้าง
ตามข้อมูลที่องครักษ์เสื้อแพรให้มา อู๋เหอลี่เป็นคนจากแคว้นเยว่จ้าว
แคว้นเยว่จ้าวเป็นแคว้นต่างแดน มีประเพณีวัฒนธรรมแตกต่างจากต้าเหลียงอย่างมาก
วิถีชีวิตของแคว้นเยว่จ้าวมีวิถีชีวิตแบบชนเผ่าเป็นหลัก ระหว่างเผ่ามักเกิดการต่อสู้ขนาดใหญ่ แต่ส่วนใหญ่จะฆ่าเฉพาะผู้ชาย ไม่ฆ่าผู้หญิงและเด็ก
ไม่ใช่เพราะแคว้นเยว่จ้าวใจดีกับสตรีและเด็กเป็นพิเศษ แต่เป็นเพราะพวกเขามองว่าสตรีและเด็กเป็นเพียงทรัพย์สินและของรางวัลจากสงคราม
อู๋เหอลี่มาถึงต้าเหลียงแล้วยังคงสืบทอดรูปแบบนี้ นั่นไม่ใช่แค่เรื่องประเพณีเท่านั้น
แท้จริงแล้วพวกสตรีและเด็กของต้าเหลียง อู๋เหอลี่ไม่สามารถพาไปได้ เขายังคงไม่เต็มใจที่จะแตะต้องพวกสตรีและเด็ก เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้ก็เป็นชายชาตรีที่มีเลือดนักรบ
ในขณะนั้น เหล่าโจรก็ได้เปิดเผยข้อมูลที่ฉินเฟิงไม่เคยรู้มาก่อน
“ในบรรดาพี่น้องร่วมสาบานทั้งสี่ของอู๋เหอลี่มีเพียงเฉินเหยียนจงเท่านั้นที่ฆ่าคนได้อย่างโหดเหี้ยม ได้ยินมาว่า เล่ยเหมิงที่ตายที่อำเภอหมิงก่อนหน้านี้ ก็เป็นชายที่เห็นแก่พวกพ้องยิ่งนัก”
“หากเล่ยเหมิงยังอยู่ เขาคงไม่ยอมให้อู๋เหอลี่ทำงานให้กับตระกูลใหญ่ทางใต้และยิ่งไม่มีทางอนุญาตให้พวกเขาสังหารประชาชนเป็นแน่”
“ยิ่งไปกว่านั้น… ในศึกอำเภอหมิงถ้าไม่ใช่เพราะเฉินเหยียนจงบุกเร็วเกินไป เล่ยเหมิงก็คงไม่ตาย”
“อ้อ เล่ยเหมิงก็เป็นคนแคว้นเยว่จ้าวเหมือนกัน ดูเหมือนว่าเคยเป็นทหารร่วมกับอู๋เหอลี่มาก่อน”
ฉินเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย แสดงว่าเขาได้เข้าใจภูมิหลังของอู๋เหอลี่เกือบหมดแล้ว
แม้จะรู้ว่าอู๋เหอลี่ถือเป็นชายชาตรี แต่ทัศนคติของฉินเฟิงก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ในดินแดนของต้าเหลียงไม่มีการแบ่งแยกระหว่างชายฉกรรจ์กับสตรีและเด็ก
ขอเพียงกล้าฆ่าประชาชนของต้าเหลียงฉินเฟิงก็จะไล่ล่าอู๋เหอลี่ไปจนสุดขอบฟ้าเพื่อตัดหัวมัน
ตอนนี้ ฉินเฟิงสนใจเพียงที่ซ่อนตัวที่แน่นอนของอู๋เหอลี่รวมถึงจุดเก็บเสบียงเท่านั้น
แต่ครั้งนี้ เหล่าโจรกลับสีหน้าลำบากใจ
“ท่านอ๋อง ถึงท่านจะให้ความกล้าแก่ข้าน้อยสักร้อยเท่า ข้าน้อยก็ไม่กล้าปิดบังสิ่งใดเลย แต่ว่า… สองเรื่องนี้ ข้าน้อยไม่รู้จริง ๆ”
“อู๋เหอลี่เป็นคนเคร่งครัด และฉางเฉิงก็ระแวดระวังและขี้สงสัยเป็นอย่างมาก”
“คนที่รับผิดชอบขนส่งเสบียงล้วนเป็นผู้ติดตามเก่าที่อู๋เหอลี่พามาจากอำเภอหมิงพวกเขาไม่ยอมให้พวกข้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย”
“อีกทั้งที่พักก็ไม่มีที่แน่นอน”
“ตั้งแต่ติดตามอู๋เหอลี่มา พวกข้าล้วนนอนกลางดิน ตอนแรกยังคิดว่าคนแคว้นเยว่จ้าวทั้งหมดเป็นเช่นนี้ ชินกับการกินนอนกลางแจ้ง”
“ภายหลังพวกข้าถึงเข้าใจว่า ไอ้สารเลวอู๋เหอลี่นั่นกำลังระวังพวกข้าอยู่ มันส่งคนไปสร้างค่ายในภูเขาแล้ว แต่ไม่ยอมให้พวกข้าไป”
“ด้วยเหตุนี้ พี่น้องทั้งหลายจึงมีความไม่พอใจอู๋เหอลี่อย่างมาก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถจงรักภักดีต่อมันได้อย่างสมบูรณ์”
ฉินเฟิงถอนหายใจเบา ๆ ก่อนหน้านี้ที่อำเภอหมิงอู๋เหอลี่สามารถหลบหนีไปจากใต้จมูกของฉินเฟิงได้ นั่นก็เพียงพอที่จะบอกว่าคนผู้นี้มีความสามารถไม่ธรรมดา
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ