บทที่ 1210 ความกระตือรือร้นในการเข้าร่วมกองทัพ
ให้เลือกเองว่าจะรับใช้ที่ไหน? ในใต้หล้านี้ยังมีเรื่องดี ๆ แบบนี้ด้วยหรือ?
เสี่ยวหมาจื่อรู้สึกตื่นเต้นยินดี รีบขยี้คางพลางครุ่นคิดอย่างจริงจัง ทำเอาลุง ๆ ป้า ๆ ที่อยู่ด้านหลังร้อนใจจนต้องกระทืบเท้า
“ไอ้เด็กนี่ คิดอะไรอยู่ เลือกทหารม้าเบาเป่ยซีสิ!”
การรับใช้ทหารม้าเบาเป่ยซี เท่ากับได้ก้าวเท้าเข้าไปในอำเภอเป่ยซีแล้วครึ่งหนึ่ง เมื่อปลดประจำการในอนาคต ก็จะได้เป็นชาวบ้านของอำเภอเป่ยซีนี่เป็นโอกาสทองที่จะได้ก้าวกระโดดในชีวิต
ต้องรู้ไว้ว่า การเป็นชาวบ้านธรรมดาในอำเภอเป่ยซียังสบายกว่าเป็นเจ้าของที่ดินในเขตใต้เสียอีก
ชายชราเกรงว่าเสี่ยวหมาจื่อจะพลาดโชคดีที่สั่งสมมาหลายภพชาติ ด้วยความร้อนใจจึงก้าวเข้าไปผลักเสี่ยวหมาจื่อออก แล้วตะโกนใส่ฉินเฟิงว่า “ท่านอ๋อง ให้เสี่ยวหมาจื่อไปอยู่กับทหารม้าเบาเป่ยซีเถิด”
“ข้าได้ยินว่าอำเภอเป่ยซีปฏิบัติต่อผู้คนอย่างใจกว้าง เสี่ยวหมาจื่อไม่มีญาติพี่น้อง เมื่อไปถึงอำเภอเป่ยซีก็จะไม่ถูกรังแก”
“หากติดตามทหารรักษาพระองค์หรือไปยังจงหยวนโดยไม่มีทรัพย์สินติดตัวเลย ไปถึงที่นั่นก็คงเป็นชีวิตอันแสนลำเค็ญที่ถูกรังแกและเหยียบย่ำ”
ชาวบ้านรอบข้างร้อนใจยิ่งกว่าเสี่ยวหมาจื่อเสียอีก
พวกเขาพากันเห็นด้วย “พูดถูกแล้ว ให้เสี่ยวหมาจื่อไปเป่ยซีเถิด”
“เสี่ยวหมาจื่อ ยังยืนเหม่ออยู่ทำไมรีบคุกเข่าคำนับท่านอ๋อง ขอให้ท่านอ๋องส่งเจ้าไปอยู่กับทหารม้าเบาเป่ยซีเถิด”
“ใช่แล้ว โอกาสดีขนาดนี้ เจ้ายังไม่รีบคว้าไว้ ปู่และพ่อของเจ้าคงโกรธจนฟื้นคืนชีพได้”
พวกชาวบ้านเหล่านี้ ใจร้อนจนพูดอะไรออกมาก็ได้ ทั้งที่ศพของครอบครัวเสี่ยวหมาจื่อยังไม่ทันเย็น พวกเขาก็ด่าออกมาอย่างไม่ยั้งปาก
แต่ก็ล้วนเป็นความหวังดี ทุกคนจึงไม่ถือสา
แต่เดิมเสี่ยวหมาจื่อรู้สึกว่าชีวิตของตนพังไปแล้ว แต่เพียงชั่วพริบตา เขากลับจะได้ไปอยู่กับฉินเฟิง
ความสุขมาเยือนอย่างกะทันหัน เสี่ยวหมาจื่อเกาหัวแกรก ๆ พลางหัวเราะเขิน ๆ “ข้า…ข้าก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน สรุปแล้ว…ท่านอ๋องไปที่ไหน ข้าก็จะไปที่นั่น”
“ข้าอยากติดตามท่านอ๋อง”
ชาวบ้านที่อยู่ในที่นั้นต่างสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ คิดในใจว่าไอ้หนูเหม็นคนนี้ ช่างเป็นคนโง่ที่มีโชคจริง ๆ คำตอบที่ดูเหมือนโง่เง่านี้ กลับกลายเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
แม้แต่ฉินเฟิงยังหัวเราะออกมาดัง ๆ เขาลูบศีรษะของเสี่ยวหมาจื่อ แล้วชมว่า “พูดได้ดี เมื่อเจ้าอยากติดตามข้า ก็เริ่มจากงานพื้นฐานที่สุดก่อน”
“คราวนี้ข้าจะกลับแนวหน้า เจ้าก็ตามข้าไปด้วย เริ่มจากทำงานในพลาธิการของทหารม้าเบาแห่งเป่ยซี เป็นงานหยาบงานหนัก ถือว่าเป็นการฝึกฝนไปในตัว”
พูดถึงตรงนี้ ฉินเฟิงโบกมือเรียกทหารม้าคนหนึ่งเข้ามา แล้วหยิบธนูของอีกฝ่ายมา ส่งให้เสี่ยวหมาจื่อ
“ธนูนี้ข้ามอบให้เจ้า รอจนเมื่อไหร่ที่เจ้าสามารถง้างธนูยิงทะลุใบไม้ได้ในระยะร้อยก้าว เมื่อนั้นเจ้าก็จะมีคุณสมบัติเป็นองครักษ์ประจำตัวข้า”
“ตราบใดที่เจ้าพยายาม อนาคตของเจ้าจะไม่มีขีดจำกัด พลาธิการทหารม้าเบากองทัพเดินทางไกล หรือแม้แต่องครักษ์ค่ายเทียนจีล้วนสามารถเลื่อนขั้นขึ้นไปได้”
เพื่อพิสูจน์ว่าตนไม่ได้หลอกเด็ก ฉินเฟิงโบกมือให้รองนายกองที่มาด้วยกัน “แนะนำตัวเองหน่อย”
รองนายกองเชิดหน้าชูคอ ดูภาคภูมิใจยิ่งนัก
“ข้าคือซุนเอ้อร์เหอ แต่เดิมเป็นเพียงผู้อพยพหนีภัยแล้ง หลังจากมาถึงอำเภอเป่ยซีโชคดีที่ท่านอ๋องรับไว้ จึงไม่ถึงกับอดตาย”
“ข้าได้เข้าร่วมมาแล้วทั้งศึกป้องกันอำเภอเป่ยซี ศึกสนับสนุนกองทัพชายแดน และการรุดเข้าไปรบในดินแดนเป่ยตี๋ ผ่านการรบทั้งน้อยใหญ่มาเจ็ดแปดครั้ง”
“จากเดิมที่เป็นเพียงผู้อพยพ บัดนี้ได้กลายเป็นรองนายกองของกองทัพเดินทางไกลเป่ยซี บัญชาการทหารม้าเบากว่าสามร้อยนาย”
“เบี้ยหวัดสามตำลึง”
“นอกจากนี้ภรรยาของข้ายังหาเงินได้เดือนละหนึ่งตำลึง”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ