บทที่ 123 มาถูกทางแล้ว
เมืองหลวงไม่แน่ว่ากว้างใหญ่หรือเล็กแคบ ด้านในและด้านนอกกำแพงของวังหลวงหาได้แบ่งแยกชัดเจนเหมือนกับถังเหล็กอย่างที่ผู้คนจินตนาการ
คนในวังต่างก็ต้องพึ่งพาคนภายนอก ในขณะเดียวกันคนภายนอกส่วนใหญ่ก็ต้องอาศัยร่มเงาของคนในวัง
แม้ว่าความขัดแย้งทางผลประโยชน์เหล่านี้จะสำคัญต่อฉินเฟิง แต่ก็ไม่ได้สำคัญถึงขั้นจะทำให้เขาต้องห่วงหน้าพะวงหลัง
เหนือสิ่งอื่นใด นอกจากตำแหน่ง ‘คนบ้า’ ที่เป็นดั่งป้ายทองเว้นโทษตายแล้ว ตอนนี้ฉินเฟิงยังมีเข็มขัดทองคำจริง ๆ อยู่ด้วย ป้ายทองเว้นโทษตายที่เขาพึ่งพาได้มากที่สุดยามนี้ย่อมเป็นองค์ฮ่องเต้
เมื่อฉินเฟิงบรรลุเป้าหมายเขาก็ไม่ชักช้ารั้งรออยู่อีกต่อไป ชายหนุ่มสาวเท้าจะเดินออกไปด้านนอก
ทว่าทันทีที่ไปถึงประตู จ้าวฉางฟู่ก็หยุดเขาไว้
แม้จ้าวฉางฟู่จะอยากให้ฉินเฟิงถูกรถม้าชนซะเดี๋ยวนี้ แต่เขาก็ยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้า เอื้อนเอ่ยเสียงนุ่มว่า “นายน้อยฉิน ท่านลืมอะไรไปหรือไม่?”
ฉินเฟิงมีสีหน้าสับสนทันที “หืม? ข้าความจำไม่ดี ท่านว่ามาเถิด?”
จ้าวฉางฟู่สาปแช่งในใจ แต่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ “นายน้อยฉินผู้สูงศักดิ์ ท่านขี้ลืมแม้กระทั่งสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเชียวหรือ? เหอะ ๆๆ หลังจากจัดการหารือระดมทุนครั้งนี้นายน้อยฉินจะต้องได้รับความโปรดปรานจากองค์ฮ่องเต้อีกครั้งอย่างแน่นอน ข้าน้อยขอแสดงความยินดีกับท่านล่วงหน้าด้วย ทว่าหอเซียนเมามายของข้าเอื้อเฟื้อสถานที่สำหรับความสำเร็จครั้งนี้แล้ว มีคนกินดื่มเสพสุขมากมายขนาดนี้ ย่อมไม่ใช่เงินเล็กน้อย ท่านว่าท่านควรจะชำระค่าใช้จ่ายนี้สักหน่อยหรือไม่?”
รู้จักพูด สมกับเป็นคนในกิจการหอสุรา!
ดังคำเอ่ยที่ว่า อย่าตีคนยิ้ม วันนี้ฉินเฟิงทำเงินได้มากมายและอารมณ์ดีมาก เขาหยิบดินสอกับกระดาษออกมาเขียน แล้วส่งให้จ้าวฉางฟู่ “ห้าพันตำลึงเงินพอหรือไม่? หากท่านมีเวลาเมื่อไหร่ก็ไปถอนเงินที่จวนตระกูลฉินของข้าเถิด”
จ้าวฉางฟู่ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อมองไปที่ใบสัญญาหนี้ “นายน้อยฉิน ใบสัญญาหนี้นี้ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แต่ท่านควรจะลงนามสักหน่อย? อย่างน้อยเพียงพิมพ์ลายนิ้วมือ… ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินเฟิงก็แสดงท่าทีออกมาว่าไม่พอใจ “อะไรกัน เจ้าไม่เชื่อข้าอย่างนั้นรึ? ข้าเป็นบุตรชายของเสนบดีกรมกลาโหมเชียวหนา ข้าจะเบี้ยวเจ้าเพราะเงินตราเพียงเล็กน้อยนี้หรือไร?”
จ้าวฉางฟู่อยากจะร้องไห้ เขาไม่เชื่อใจเจ้านี่จริง ๆ…
ก่อนที่เขาจะเปิดปากอีกครั้ง ฉินเฟิงก็โบกมือไม่สนใจ ก่อนจะเสยผม เดินจากไป
ฉินเฟิงหัวเราะขบขันอยู่ในใจ สำหรับใบสัญญาหนี้นั่น ถ้าเจ้าจ้าวฉางฟู่ไปถอนจากบัญชีออกมาได้ก็ถือว่าข้าแพ้!
หลังจากกลับมาถึงจวน ฉินเฟิงก็ตรงไปที่ลานด้านหลัง ลานเล็กที่แต่เดิมเรียบร้อยและสง่างาม ตอนนี้ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
บนพื้นเต็มไปด้วยชานอ้อยอัดหลายประเภท คนงานหลายสิบคนกำลังคั้นน้ำอ้อยทั้งวันคืนไม่หยุดหย่อน
เมื่อมองไปยังลานบ้านที่แสนยุ่งวุ่นวาย ใบหน้าฉินเฟิงก็ผุดรอยยิ้มมีความสุข เขาเรียกฉินเสี่ยวฝูมาถามเบา ๆ ว่า “คนงานเหล่านี้ตั้งใจทำงานมาก ดูจากความคืบหน้านี้ คืนนี้ก็น่าจะสามารถบดอ้อยหกหมื่นชั่งแล้วเสร็จ เจ้าไปจ้างพวกเขามาจากที่ไหน?”
ฉินเสี่ยวฝูหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ ใบหน้าเต็มไปด้วยความลำพองใจ “พวกเขาล้วนเป็นผู้ลี้ภัยที่ว่าจ้างมาจากนอกประตูเมืองขอรับ”
เมื่อได้ยินคำว่า ‘ผู้ลี้ภัย’ ฉินเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวใจเต้นตุบตับ เขาเตะก้นฉินเสี่ยวฝูทีหนึ่ง และตะคอกเสียงต่ำ “ผู้ลี้ภัย? เจ้าเด็กตัวเหม็น เจ้าเห็นว่าสองวันนี้ข้าสุขสงบเกินไปเลยคิดจะหาเรื่องให้ข้าใช่หรือไม่? กฎเมืองหลวงกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า ห้ามผู้ลี้ภัยเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต หากเจ้ากรมเมืองรู้เข้า เขาจะส่งคนมาตรวจสอบเราแน่!”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ