เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ นิยาย บท 122

บทที่ 122 รีดไถเอาเงิน

“นายน้อยหวังบริจาคเงินหนึ่งหมื่นตำลึงเงินเพื่อสนับสนุนการป้องกันแคว้นต้าเหลียง ข้าน้อยขอขอบคุณจากใจจริง”

“นายน้อยรองตระกูลเฉินบริจาคเงินแปดพันตำลึงเงิน แม้ว่าเงินจะน้อย แต่ความตั้งใจนั้นยิ่งใหญ่นัก”

“โอ้! สมกับเป็นบุตรชายของผู้ช่วยเสนาบดีกรมโยธา คิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะบริจาคเงินหกหมื่นตำลึงเงินในคราวเดียว แม้แต้ข้าน้อยก็ยังถูกแซงหน้า ฝ่าบาทจะต้องเล็งเห็นความตั้งใจของท่านอย่างแน่นอน ผู้ช่วยเสนาบดีกรมโยธามีบุตรชายเช่นนี้ เส้นทางขุนนางของเขาในอนาคตจะต้องไม่มีที่สิ้นสุดเป็นแน่”

ในคราแรก ทุกคนถูกบังคับโดยการข่มขู่ของฉินเฟิง เพราะกลัวว่าชื่อของพวกเขาจะถูกขีดฆ่า ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกัดฟันบริจาคเงิน

ทว่าต่อมา ภายใต้การเยินยออย่างต่อเนื่องของนายน้อยฉิน ทุกคนต่างก็เริ่มแข่งขันกัน ใครก็ตามที่บริจาคเงินมากกว่าจะสามารถฝากชื่อไว้เบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ได้ นั่นไม่เพียงเป็นเกียรติสูงสุดเท่านั้น แต่ยังเพิ่มคะแนนนิยมให้กับเส้นทางขุนนางของบิดาด้วย เรียกได้ว่าเป็นทั้งชื่อเสียงและโชคลาภนั่นเอง

ใบหน้าของหลี่รุ่ยซีดเผือด มีเพียงชื่อของเขาเท่านั้นที่ถูกขีดฆ่า แม้แต่บุตรหลานขุนนางที่บริจาคเงินเพียงห้าหรือหกร้อยตำลึงก็ไม่ได้มีรอยตำหนิใด ๆ

หากฮ่องเต้ทอดพระเนตรสิ่งนี้ และคิดว่าตระกูลหลี่ไม่สนใจความรุ่งเรืองหรือการล่มสลายของแคว้นต้าเหลียง ชื่อเสียงของตระกูลหลี่ในพระทัยของฝ่าบาทจะต้องถูกทำลายไม่เหลือชิ้นดีอย่างแน่นอน

ยังไม่รวมกับข้อเท็จจริงที่ว่า ตระกูลหลี่เป็นผู้นำของฝ่ายต่อต้านสงคราม หากบัญชีใหม่และเก่าถูกรวมเข้าด้วยกัน แม้ว่าฮ่องเต้จะไม่แตะต้องตระกูลหลี่ตอนนี้ พระองค์ก็จะต้องจดจำตระกูลหลี่ใส่พระทัยไว้อย่างแน่นอน!

และที่น่าโมโหที่สุดคือ…

เพื่อแสดงให้ฮ่องเต้เห็นอย่างชัดเจน ฉินเฟิงถึงกับแปะข้อความแยกต่างหากไว้ที่ใต้ชื่อของหลี่รุ่ยว่า… ‘บุตรชายของเสนาบดีกรมคลังไม่ได้ล้วงเงินออกมาสักอีแปะ’

เจ้าฉินเฟิงสมควรตาย!

หลี่รุ่ยโกรธจนแทบกระอักเลือด อยากจะหั่นฉินเฟิงให้เป็นชิ้น ๆ แต่อย่างไรก็ตาม ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้ และเดินขึ้นไปบนเวทีอย่างต้องทนหน้าหนา หลี่รุ่ยดึงฉินเฟิงออกไปข้าง ๆ แล้วกระซิบ “พี่ฉิน ก่อนหน้านี้ข้าน้อยสับสนไปชั่วครู่ ข้าน้อยก็จะบริจาคเงินจำนวนหนึ่งด้วย เจ้ารีบลบกากบาทสีแดงนั่นออกไปเถอะ!”

ฉินเฟิงถอนหายใจเบา ๆ พลางแสดงความลำบากใจ “กากบาทสีแดงถูกวาดลงไปแล้ว ไหนเลยจะลบมันออกได้? พี่หลี่ เจ้ากำลังสร้างความยุ่งยากให้ข้าชัด ๆ”

หลี่รุ่ยขมวดคิ้วมุ่น ภายในใจอยากจะบีบคอฉินเฟิงให้ตายเสีย แต่ใบหน้ากลับต้องฝืนยิ้มออกมา รอยยิ้มของเขาในเวลานี้น่าเกลียดเสียยิ่งกว่าร้องไห้ “เจ้าทำอันใหม่ไม่ได้หรือ?”

ฉินเฟิงยิ่งลำบากใจ “เจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือว่าข้ามันเป็นคนขี้เกียจ”

เมื่อเห็นว่าฉินเฟิงไม่มีความตั้งใจที่จะยกโทษให้ หลี่รุ่ยก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองกำลังโกรธหรือวิตกกังวลมากกว่ากัน ตอนนี้เสียงของหลี่รุ่ยเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ “ฉินเฟิง ถือว่าข้าขอร้องเจ้าได้หรือไม่?”

เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังของหลี่รุ่ย แต่กลับทำอะไรไม่ถูกและคับข้องใจ ฉินเฟิงก็สบายใจเป็นอย่างมาก

อยากเล่นกับข้าไม่ใช่รึ? ข้าจะเล่นกับเจ้าให้ถึงที่สุดเอง!

ฉินเฟิงมีโอกาสนับไม่ถ้วนที่จะบี้หลี่รุ่ยให้ตาย รวมถึงครั้งนี้ด้วย แต่เขาเลือกที่จะล้มเลิกโดยไม่ลังเล

เหตุผลนั้นง่ายมาก หลี่รุ่ยเป็นเพียงคนธรรมดาสามัญและไม่มีความสำคัญใด ๆ การจัดการอีกฝ่ายไม่เพียงแต่ไม่ส่งผลดีต่อข้อพิพาทในราชสำนักเท่านั้น แต่ยังจะทำให้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้น และนั่นจะกลายเป็นการบีบให้ฝูงสุนัขกรมคลังจนตรอกจนต้องกระโดดข้ามกำแพง

นอกจากนี้การบี้หลี่รุ่ยจนตายก็เพียงสร้างความสะใจได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น ต้องเก็บเขาไว้และค่อย ๆ ขูดรีดสิถึงจะถูก…

ฉินเฟิงถอนหายใจ มีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่เพราะเห็นแก่ ‘พี่น้อง’ จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำงานให้หนัก เขาพูดอย่างจริงใจ “รายชื่อเต็มแล้ว การทำรายชื่อใหม่ ต้องใช้แรงกายแรงใจ…”

หลี่รุ่ยหรือจะไม่เข้าใจว่าฉินเฟิงหมายถึงอะไร เขาแอบกัดฟันกรอด “เจ้าเสนอราคามา!”

บทที่ 122 รีดไถเอาเงิน 1

บทที่ 122 รีดไถเอาเงิน 2

บทที่ 122 รีดไถเอาเงิน 3

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ