บทที่ 13 คลื่นใต้น้ำโหมซัด
ด้วยแผนภาพกลยุทธ์การทหารในมือ ฉินเทียนหู่ราวกับได้รับอัญมณี เขาเดินเข้าห้องตำราทันที จากนั้นเริ่มเขียนฎีกาถวายต่อฮ่องเต้
ฉินเฟิงที่รอดจากการถูกตีก็ย่ามใจ เขานั่งลงบนที่นั่งของบิดา ทั้งยังไขว่ห้างวางขาไว้บนโต๊ะด้วยท่าทีของผู้ชนะ
หลิ่วหงเหยียนตกตะลึงเมื่อเห็นท่าทีนี้ บิดาของนางหวงโต๊ะตำราตัวนี้มาก ถ้าเขารู้เข้าฉินเฟิงได้ตายเป็นแน่
คิดได้ดังนั้น นางก็รีบคว้าหูของน้องชายและดึงเขาออกจากโต๊ะ ก่อนจะพูดอย่างหวาดระแวง “เจ้าเด็กคนนี้ พอไม่สนใจเจ้าหน่อยก็เอาใหญ่เลยนะ! แค่ให้กลยุทธ์การศึกกับท่านพ่อ มีอะไรให้ภูมิใจ! เจ้านี่วอนหาเรื่องจริง ๆ”
ฉินเฟิงกุมใบหูและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับหลิ่วหงเหยียน เขาไม่ได้วิ่งหนีเหมือนคราวฉินเทียนหู่แต่ยินยอมถูกเหยียบย่ำ
เมื่อเห็นดวงตาน่าสงสารของน้องชาย หลิ่วหงเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะปล่อยเขาให้เป็นอิสระ
ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้ฉินเฟิงกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับกลยุทธ์อย่างลับ ๆ
ในเมื่อหลี่รุ่ยไม่ต้องการให้ต้าเหลียงส่งกองกำลังไป ฉินเฟิงจึงต้องการทำสิ่งที่ตรงกันข้าม ด้วยการช่วยให้ฉินเทียนหู่ได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้เพื่อ อำนวยความสะดวกในสงครามครั้งนี้
…
นายน้อยตระกูลฉินไม่ใช่คนหัวรุนแรง แต่เขาก็ไม่ต้องการให้บิดาถูกคนอื่น ๆ ในราชสำนักกดดัน…
ขณะเดียวกันที่หออวี่เยียนหรือหอโคมเขียวในเมืองหลวง
หลี่รุ่ยขว้างถ้วยชาลงบนพื้นเต็มแรง หญิงสาวที่มานั่งด้วยตกใจเสียจนใบหน้าซีดเซียว นางแทบไม่กล้าหายใจแรง
ใบหน้าของหลี่รุ่ยมืดมนอย่างมาก เขาเหลือบมองเฉิงฟาที่นั่งเงียบอยู่ด้านข้าง ก่อนจะตวาดด้วยความโกรธ “ไร้ประโยชน์! เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ยังทำไม่สำเร็จ ข้าต้องมีเจ้าไปเพื่อกระไร!”
แผนการฆ่าคนกลางถนนครั้งนี้ หลี่รุ่ยยอมเสี่ยงอย่างมาก
ทันทีที่แผนถูกเปิดโปง ไม่ต้องพูดถึงผลกระทบต่อพรรคพวกในกรมคลังเลย เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็คงไม่มีวันฟื้นคืนกลับมาได้
การลอบสังหารครั้งนี้ควรสำเร็จ ใครจะคิดว่าเฉิงฟาจะพึ่งพาไม่ได้เพียงนี้ เขาส่งมือสังหารไปเพียงสองคนเท่านั้น!
โชคดีคุณหนูสี่แห่งตระกูลฉินเป็นคนเด็ดขาด นางจึงฆ่ามือสังหารทั้งสองสิ้น
มิเช่นนั้น หากพวกเขารอดชีวิตและถูกจับไปได้ ผลที่ตามมาคือหายนะ
เฉิงฟาก็โกรธเช่นกัน นักฆ่าสองคนนี้เรียกได้ว่าเป็นนักฆ่ามืออาชีพที่ไม่เคยทำงานพลาดมาก่อน
นี่มันบ้าบอเกินไปแล้ว!
เหตุใดเมื่อเผชิญหน้ากับจิ่งเชียนอิ่งพวกเขาจึงอ่อนแอถึงเพียงนี้
เมื่อเผชิญหน้ากับหลี่รุ่ยที่โกรธเกรี้ยว เฉิงฟาก็ไม่กล้าลังเล เขารีบลุกขึ้นคำนับ “นายน้อยได้โปรดใจเย็นก่อน ครั้งนี้ฉินเฟิงโชคดี คาดไม่ถึงว่าจิ่งเชียนอิ่งจะคอยปกป้องเขาอย่างลับ ๆ ครั้งต่อไป เจ้านั่นจะต้องตายอย่างไร้ที่ฝังแน่นอน!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่รุ่ยก็ตะคอกอย่างเย็นชา “ไม่มีคราวหน้าแล้ว!”
เฉิงฟาใจเต้นแรง คิดว่าหลี่รุ่ยต้องการลงโทษตนเองที่ทำงานไม่สำเร็จ เขากำลังจะร้องขอความเมตตา แต่กลับได้ยินอีกฝ่ายหัวเราะขึ้นมาอย่างชั่วร้าย
“การลอบสังหารครั้งเดียวก็เกินพอ หากมีครั้งต่อไปย่อมไม่สำเร็จ เจ้าก็เห็นการแสดงออกของฉินเฟิงที่การสอบชุมนุมกวีวันนี้แล้ว”
“เจ้าหมอนี่แสร้งทำเป็นโง่เพียงผิวเผิน แต่ในใจใสราวกระจก ยามนี้เขาต้องระวังตัวมากขึ้นเป็นแน่”
เฉิงฟาไม่พอใจเล็กน้อย “จะปล่อยไปเช่นนี้หรือ?”
“ปล่อยไปหรือ?” ดวงตาของหลี่รุ่ยเผยร่องรอยของความเย็นชาออกมาอย่างปิดไม่มิด “เจ้าแค่ปล่อยข่าวลือออกไปว่าในงานเลี้ยงวันเกิดตระกูลเซี่ย ฉินเฟิงแอบถ้ำมองคุณหนูตระกูลเซี่ยก็พอ”
“แพร่ข่าวลือออกไปให้ทั่ว บอกว่าคุณหนูตระกูลเซี่ยดูบอบบาง แต่จริง ๆ แล้วนางมีหน้าอกใหญ่ และมีบั้นท้ายที่เหมาะแก่การคลอดบุตร ทั้งเจ้าหมอนั่นยังบอกได้อย่างชัดเจนว่ามีไฝอยู่ที่ใดบนร่างกายของนาง”
คุณหนูตระกูลเซี่ย นามเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ เป็นอัญมณีในฝ่ามือของหนิงกั๋วกง เซี่ยปี้
เซี่ยปี้ที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างชื่อเสียงด้านการศึกให้กับต้าเหลียง เขามีเกียรติยศสูงศักดิ์ในเมืองหลวง
มากไปกว่านั้นเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ยังติดต่อใกล้ชิดกับเหล่าองค์หญิงอีกด้วย เดิมทีอุปนิสัยนางไร้ความยำเกรงและชอบแก้แค้น
ในเมืองหลวงลือกันให้ทั่วว่านางเป็นดรุณีสาวที่ชอบใช้ความรุนแรง
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ