เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ นิยาย บท 148

บทที่ 148 ชัยชนะที่ยากจะไขว่คว้า

คนผู้นี้ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งใด ๆ ในราชสำนัก แต่จริง ๆ แล้วทุกคนในสถานที่จัดงานต่างรู้ดีว่า เขาได้รับ ‘คำแนะนำลับ ๆ’ มาจากกรมคลัง

หลี่ซวี่ลุกขึ้นยืน และเอ่ยอย่างเห็นด้วย “กองทัพของสวีโม่สวมเกราะหนัก มีข้อได้เปรียบอย่างมาก ในการต่อสู้รอบชิงชนะเลิศ กฎจะผ่อนปรนให้สามารถใช้เครื่องป้องกันได้ทุกชนิด หากกองทัพของเขาถือโล่อีกจะยิ่งแข็งแกร่ง หากไม่ใช้ทหารม้าย่อมไม่สามารถทำลายกระบวนทัพได้ นี่ไม่ใช่การประลองความสามารถของแม่ทัพแล้ว แต่เป็นการประลองว่าใครมีเกราะหนา และมีโล่แข็งแกร่งกว่าพ่ะย่ะค่ะ”

แม้ว่าหลี่ซวี่จะโดนสงสัยว่าอยากจะขัดขาคู่ต่อสู้ แต่คำพูดของเขาก็ไม่ได้ไร้เหตุผลไปเสียทีเดียว

ขุนนางบุ๋นบู๊ในที่เกิดเหตุต่างก็พากันวิจารณ์อย่างออกรส

“แม้ว่ากระบวนทัพของสวีโม่จะน่าสนใจ แต่ข้อได้เปรียบของเกราะหนักนั้นยากต่อการชดเชย หากเปรียบเทียบจริง ๆ ก็ถือได้ว่า เขาได้ชัยชนะมาโดยไม่ต้องใช้กำลัง”

“ใช่ เป็นเรื่องยากที่อาวุธที่ไม่ได้ลับคมจะเอาชนะเกราะหนักได้ เพื่อปกป้องความปลอดภัยของทหารจึงมีกฎห้ามใช้อาวุธเจาะเกราะและอาวุธมีคม ทหารม้าก็ใช้ได้ยาก ฝ่ายที่สวมเกราะหนักจึงมีข้อได้เปรียบอย่างมาก”

“ถ้าสวีโม่ชนะ เกรงว่าจะเป็นการยากที่จะโน้มน้าวใจสาธารณชนให้ยอมรับผลการประลองแล้ว”

ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงแต่ไหนแตไรก็ไม่ใช่ผู้ที่เอาความคิดตนเองเป็นใหญ่ เมื่อเห็นว่ามีความคิดเห็นแตกต่างมากมาย พระองค์ก็ไม่สามารถเพิกเฉยได้ จึงหันไปทอดพระเนตรฉินเทียนหู่ แล้วตรัสถาม “ใต้เท้าฉิน ท่านว่าคิดอย่างไร”

เรื่องที่ฉินเฟิงยืมเกราะหนักจากกรมกลาโหมโดยพลการ ฉินเทียนหู่รู้อยู่แล้ว

เพื่อที่จะชนะในสนามรบ เดิมก็ต้องทำทุกอย่างที่ทำได้ ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยวิธีไหนก็ควรดูที่ผลลัพธ์ไม่ใช่กระบวนการ

ก่อนการประลองทุกคนไม่ได้เอ่ยแย้งตั้งแต่แรก ต่อเมื่อเห็นว่าเกราะหนักนั้นไม่เป็นผลดีกับตนเองถึงได้โต้แย้งขึ้นมา จึงดูเหมือนพวกขี้แพ้ชวนตีไปสักหน่อย

แต่เพื่อประโยชน์ของสถานการณ์โดยรวม ฉินเทียนหู่ยังคงละทิ้งอารมณ์ส่วนตัว ยื่นมือคารวะ “หากทุกท่านรู้สึกว่ากองกำลังของสวีโม่ชนะได้โดยไม่ต้องลงแรง การเพิ่มความยากในรอบตัดสินก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้”

ทันทีที่สิ้นประโยค ดวงตาของหลี่ซวี่ก็สว่างวาบ เขาต่อบทสนทนา และเริ่มทูลเสนอฮ่องเต้ถึงวิธีการประลองในรอบตัดสินทันที

ฉินเฟิงที่นั่งอยู่บนกำแพงเมืองเห็นว่าหลี่ซวี่กำลังสร้างปัญหาอีกครั้ง จึงอดไม่ได้ที่จะเบะริมฝีปาก และเอ่ยอย่างเหยียดหยาม “อายุอานามก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว ยังจะเล่นลูกไม้ตื้น ๆ แบบนี้อีก การต่อสู้ในสนามรบ ชนะก็คือชนะ แพ้ก็คือแพ้ ใครจะว่างมาถกปัญหายุติธรรมไม่ยุติธรรมกับท่านกันเล่า”

ในขณะเดียวกัน ด้านนอกสถานที่จัดการประลองก็ได้รับข่าวนี้แล้ว ผู้บรรยายเหตุการณ์ วาดกลยุทธ์ที่เกิดขึ้นด้านในบนโต๊ะทรายอย่างรวดเร็ว

ผู้บรรยายเล่าเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง เนื้อหาดำเนินมาถึงตอนที่ทหารของสวีโม่จัดการคู่ต่อสู้ของเขาจนราบคาบ บรรดาคุณหนูคุณชายที่เฝ้าดูอยู่ต่างส่งเสียงโห่ร้องอย่างกระตือรือร้น

มีเพียงเกาอวี้หลานและหลี่หนิงฮุ่ยเท่านั้นที่มีใบหน้ามืดมน ก่อนหน้านี้พวกนางยังดูถูกทหารหน่วยลาดตระเวนของสวีโม่ที่มีฉินเฟิงชี้แนะอยู่ แล้วจะยินดีได้อย่างไร?

เมื่อเห็นว่าทหารหน่วยลาดตระเวนของสวีโม่เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ เกาอวี้หลานยิ่งอิจฉามากขึ้น จึงพูดอย่างไม่พอใจนัก “นิสัยของคนตระกูลฉิน ใช้ความสามารถเล็กน้อย ใช้กลอุบายเป็นส่วนใหญ่ ไม่เคยกล้าต่อสู้กับผู้อื่นอย่างเปิดเผย คนอื่น ๆ สวมเกราะเบา มีแต่ทหารของสวีโม่ที่สวมเกราะหนัก แล้วยังจะต้องประลองอันใดอีก?”

ใบหน้าของหลี่หนิงฮุยเต็มไปด้วยความดูแคลน รีบพูดเสริม “พี่หญิง ท่านเพิ่งรู้หรือ? ตระกูลฉินแต่ไหนแต่ไรก็เป็นแบบนี้ แพ้เป็นเจ้าชนะเป็นโจรอันใด แท้จริงแล้วนี่เป็นแค่พฤติกรรมของคนถ่อย ถ้ารู้ว่าใส่เกราะหนักได้ แม่ทัพคนอื่น ๆ จะแพ้ราบคาบขนาดนี้ได้อย่างไร”

เสียงของสตรีสองนางดังขึ้น สตรีจากตระกูลฉินที่นั่งอยู่ไม่ไกลเองก็ได้ยินอย่างชัดเจน

จิ่งเชียนอิ่งคร้านเกินกว่าจะต่อปากต่อคำ นางจึงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน มุ่งความสนใจไปที่การประลองก่อนหน้านี้

บทที่ 148 ชัยชนะที่ยากจะไขว่คว้า 1

บทที่ 148 ชัยชนะที่ยากจะไขว่คว้า 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ