บทที่ 157 เปลี่ยนศัตรูเป็นมิตร
ใบหน้าของฉินเฟิงเบิกบานด้วยความยินดี นายน้อยเจ้าสำราญรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว วิ่งดุ๊กดิ๊กไปข้างหลังหนิงหู่ แล้วช่วยแก้เชือกที่มัดท่านโหวน้อยไว้
ราวกับว่าความขุ่นเคืองก่อนหน้านี้มหลายหายไปจนสิ้น เขายกแขนโอบไหล่หนิงหู่แล้ววิ่งไปด้านข้าง พลางคิดทบทวนเรื่องเสบียงทางทหารในอนาคตไปด้วย
แม้ว่าหนิงหู่จะยอมรับฉินเฟิงจากใจ แต่เนื่องจากที่ผ่านมามีเรื่องไม่น่าปีติมากมาย ท่านโหวน้อยจึงระมัดระวังอยู่บ้าง
เมื่อถูกฉินเฟิงโอบไหล่ ท่านโหวน้อยพลันรู้สึกถึงนิสัยที่ ‘ตรงไปตรงมาและเปิดกว้าง’ ของฉินเฟิง ความยุ่งเหยิงที่หลงเหลืออยู่ในใจ จึงหายไปอย่างง่ายดาย
ตัวเขาเองเป็นคนตรงไปตรงมา ย่อมสามารถเข้ากับฉินเฟิงได้โดยธรรมชาติ
เมื่อครู่นี้พวกเขายังตะโกนอย่างกับจะฆ่ากัน แต่ตอนนี้กลับสนิทสนมกันราวพี่น้องที่พลัดพราก…
หลินฉวีฉีมองไปที่ชายหนุ่มไร้หัวใจสองคนนี้ อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว และถอนหายใจ “ฮ่วนเซี่ยงโพรงเดียวกัน*[1] จริง ๆ!”
ขณะเดียวกัน หย่งอันโหวหรือหนิงเหวินอวี่ซึ่งยืนอยู่บนขั้นบันไดของกำแพงเมือง ก็เก็บดาบสั้นกลับเข้าไปในอ้อมอย่างเงียบ ๆ
หลังจากมองหนิงหู่ถูกพาขึ้นไปบนกำแพงเมือง หนิงเหวินอวี่คาดว่าฉินเฟิงจะใช้โอกาสนี้ทำให้บุตรชายอับอาย ดังนั้นเขาจึงตามมาดู และเห็นว่าสถานการณ์เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
หากหลินฉวีฉีไม่ได้อยู่ที่นั่นเพื่อหยุดฉินเฟิง หนิงเหวินอวี่คงจะรีบรุดไปสังหารฉินเฟิงในดาบเดียวแล้ว
แต่เมื่อเห็นว่าฉินเฟิงหยิบยื่นไมตรีให้กับหนิงหู่ รวมถึงแบ่งปันความรู้ทางการทหารให้ จิตสังหารของหนิงเหวินอวี่ก็ค่อย ๆ ถูกแทนที่ด้วยความประหลาดใจ
ในเวลานี้เอง เมื่อเห็นฉินเฟิงกับหนิงหู่ปรับความเข้าใจ และยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กัน หนิงเหวินอวี่ถึงได้เข้าใจ
เพื่อผูกมิตรกับหนิงหู่ ฉินเฟิงจงใจจับหนิงหู่เป็นนักโทษ จากนั้นก็พาเขามาที่กำแพงเมือง เพื่อหลีกเลี่ยงสายตาของพวกกรมคลัง
หนิงเหวินอวี่ไม่ใช่ฝ่ายต่อต้านสงครามตัวยง เพียงแต่เพื่อรักษาฐานันดรศักดิ์ของตระกูลหนิง เขาจึงเลือกอยู่ฝ่ายเดียวกับกรมคลัง
หากในอนาคตหนิงหู่ได้รับการคุ้มครองจากฉินเฟิง ฐานันดรศักดิ์ของตระกูลหนิงย่อมมั่นคง ไม่มีใครสามารถแย่งชิงมันไปได้!
ด้านหนึ่งคือตระกูลฉิน อีกด้านหนึ่งคือกรมคลัง จะเลือกฝ่ายไหน ไม่จำเป็นต้องลังเลอีกต่อไป!
หนิงเหวินอวี่อารมณ์ดีขึ้นมาก เดินเอามือไพล่หลังกลับไป และบังเอิญเจอกับเลขาธิการกรมคลังเข้าพอดี
อีกฝ่ายรีบยกมือขึ้นโค้งคำนับ “ท่านโหว ใต้เท้าหลี่เรียนเชิญขอรับ”
หากเป็นก่อนหน้านี้ หนิงเหวินอวี่คงจะยกยิ้ม พยายามให้ความร่วมมือเต็มที่
แต่ตอนนี้บุตรชายตระกูลหนิงอยู่ข้างเดียวกับฉินเฟิงแล้ว ไยเขาต้องสนใจหน้าตาของกรมคลังอีกเล่า?
หนิงเหวินอวี่แค่นเสียงในลำคออย่างเย็นชา พูดด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ใต้เท้าหลี่มีตั้งหลายคน ไม่ทราบว่าเจ้าหมายถึงใต้เท้าหลี่คนไหนหรือ?”
เลขาธิการกรมคลังแปลกใจกับปฏิกิริยาของหนิงเหวินอวี่ แต่ก็ยังคงฝืนยกยิ้มอย่างอดทน และเอ่ยตอบว่า “แน่นอนว่าต้องเป็นใต้เท้าหลี่ เสนาบดีกรมคลัง”
หนิงเหวินอวี่ร้อง ‘โอ้’ เบา ๆ ออกมา แล้วเดินลงบันไดพลางเอามือไพล่หลัง ก่อนจะพูดอย่างเย็นชา “กลับไปแจ้งใต้เท้าหลี่ว่า ท่านโหวอย่างข้าติดธุระอยู่ ไม่มีเวลา ไว้เชิญวันหลังเถิด”
หลังจากพูดจบ หนิงเหวินอวี่ก็เพิกเฉยต่อเลขาธิการกรมคลัง และตรงไปหาฉินเทียนหู่
“ท่าน…” จู่ ๆ สีหน้าของเลขาธิการกรมคลังก็ดูน่าเกลียด ดูเหมือนว่าหนิงเหวินอวี่ต้องการจะอยู่ฝ่ายตระกูลฉินจริง ๆ แล้ว
ภายใต้สายตาที่จับจ้องมาของบรรดาขุนนางกรมคลัง
หนิงเหวินอวี่ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด และผายมือไปทางฉินเทียนหู่ “ใต้เท้าฉิน ก่อนหน้านี้บุตรสุนัขบ้านข้าทำให้ท่านขุ่นเคืองหลายครั้ง ได้โปรดอภัยด้วย”
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ