บทที่ 192 บททดสอบก่อนแต่งงาน
ด้านข้างฉีหยางจวิ้นจู่มีชายสามคนยืนอยู่ หนึ่งในนั้นคือหลินเฟยโม่
ดวงตาของหลินเฟยโม่เย็นชาเป็นอย่างมาก เมื่อนึกถึงความอัปยศอดสูที่เขาได้รับในวันนี้ เขาก็แทบอยากจะกินฉินเฟิงเข้าไปทั้งเป็น!
เดิมทีหลินเฟยโม่ไปขอให้ท่านปู่ซึ่งเป็นถึงไท่เป่าจับฉินเฟิงเข้าคุก และทำให้อยู่ไม่สู้ตาย!
แต่ผลลัพธ์กลับผิดไปจากที่คิด
ท่านปู่ไม่เพียงแต่ไร้เจตนาจะให้ความช่วยเหลือเท่านั้น ซ้ำยังเอ่ยย้ำเตือนอีกว่าห้ามไปรบกวนกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงเด็ดขาด
ในเมื่อหลินเฟยโม่กับฉินเฟิงมีความขัดแย้งกัน เช่นนั้นก็ต้องแก้ไขด้วยตนเอง ห้ามใช้อำนาจของตระกูล
บรรดาขุนนางในเมืองหลวงไม่อยากผูกปมแค้นกับตระกูลฉินก็แล้วไปเถิด แต่ทำไมท่านปู่ถึงต้องกลัวพวกมันด้วย?
หลินเฟยโม่ไม่อยากจะเชื่อ!
ชายหนุ่มจึงจากมา แล้วไปแจ้งให้ฉีหยางจวิ้นจู่ทราบเรื่องนี้
เมื่อเห็นฉินเฟิงถูกนางรำหลายคนไล่ตาม หลินเฟยโม่ก็อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยในใจ ‘คนแซ่ฉิน เกรงว่าเจ้าจะไม่รู้กระมัง ตอนที่ฉีหยางเดินทางไปเจียงหนาน นางก็พักอยู่ที่จวนหลินของข้า ฉีหยางและข้าเป็นสหายกันมาตั้งแต่เด็ก!’
‘เจ้าไม่ได้คิดว่าความสัมพันธ์ของข้ากับราชสกุลหลี่นั้นห่างไกลเกินไปหรอกหรือ เจ้าไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาใช่หรือไม่ หึ ๆๆ แล้วสายเลือดของฉีหยางเล่า เจ้าจะกล้ากับนางหรือ?!’
‘ถ้าฉีหยางยังไม่กลัว แล้วองค์ชายทั้งสองที่อยู่ข้างกายข้าเป็นอย่างไรเล่า ฉินเฟิง ข้าอยากจะเห็นนักว่า คืนนี้เจ้าจะออกจากเรือสำราญลำนี้ได้อย่างไร!’
หลินเฟยโม่เหลือบมองชายหนุ่มสูงศักดิ์สองคนที่อยู่ข้างเขาอย่างสุขุม มุมปากอดไม่ได้ที่จะหยักยกขึ้นเล็กน้อย
ในเวลานี้ฉินเฟิงถูกนางรำสี่คนต้อนให้จนมุม ไม่มีทางไหนที่จะหลบหนีได้อีก
เมื่อเห็นว่านางรำกำลังจะพุ่งเข้ามาหาตนเองเหมือนหมาป่า ฉินเฟิงก็ทำได้เพียงตะโกนลั่น “อย่าขยับ!”
นางรำทั้งสี่ตกใจกับเสียงที่จู่ ๆ ก็ดังกังวานขึ้นมา
เบื้องหน้าคือนายน้อยฉินที่มีชื่อเสียงสะเทือนเมืองหลวง แต่เบื้องหลังคือคำสั่งของฉีหยางจวิ้นจู่ ไม่ว่าทางไหนก็ไม่สามารถทำให้ขัดเคืองได้ พวกนางจึงตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
พวกนางไม่รู้เลยว่า ความสับสนในสายตาทั้งสี่คู่ ถูกฉินเฟิงมองออกแล้ว
เป็นอย่างนี้นี่เอง!
เห็นได้ชัดว่าฉีหยางจวิ้นจู่วางกับดักในทะเลสาบแสงจันทร์ นางวางแผนจะใช้โอกาสนี้ทำให้ชื่อเสียงของเขาเสื่อมเสียย่อยยับ
ถ้าแค่ทำให้เสื่อมเสียเช่นนั้นก็ง่ายดายนัก
ฉินเฟิงมีชื่อเสียงฉาวโฉ่ในเมืองหลวงอยู่แล้ว มีอะไรให้เสื่อมเสียอีก? มีอะไรให้ย่อยยับอีก?
กลัวก็แต่ฉีหยางจวิ้นจู่จะกำลังพยายามสร้างรอยร้าวระหว่างตระกูลฉินกับตระกูลเซี่ย!
หากข่าวลือเกี่ยวกับการพักแรมของฉินเฟิงบนเรือสำราญกระจายไป ตระกูลเซี่ยย่อมต้องเสียหน้า
เมื่อถึงตอนนั้น ต่อให้ตระกูลเซี่ยไม่ฝ่าฝืนรับสั่งของฮ่องเต้ยกเลิกงานแต่ง พวกเขาก็คงเกลียดฉินเฟิงเข้ากระดูกแล้ว
ชายหนุ่มคิดอย่างไรก็นึกไม่ออกว่าตนเองไปทำให้ฉีหยางจวิ้นจู่ขุ่นเคืองอะไร อีกฝ่ายถึงได้ใช้วิธีน่ารังเกียจเช่นนี้มาจัดการ
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ นางรำทั้งสี่ก็เข้ามาใกล้เขาอีกครั้ง
ด้วยความสิ้นหวัง ฉินเฟิงทำได้เพียงถอยหลังเตรียมจู่โจม เขาคว้าผ้ารัดเอวของนางรำชุดสีชมพู แล้วดึงมันออกมาอย่างแรง พลันเสื้อคลุมของนางรำชุดสีชมพูก็สยายออก แม้ว่าซับในจะยังคงพันแน่นอยู่ ไม่ถึงกับหลุดลุ่ย แต่การตอบโต้อย่างกะทันหันของเขาก็ทำให้นางรำชุดสีชมพูกรีดร้องดังลั่น
เหตุผลที่ทะเลสาบแสงจันทร์สามารถยืนหยัดในเมืองหลวงได้อย่างมั่นคง นอกจากภูมิหลังอันแข็งแกร่งแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ การ ‘ขายศิลปะ ไม่ขายเรือนร่าง’ อย่างน้อยสิ่งที่แสดงเบื้องหน้าก็เป็นเช่นนั้น
นางรำในชุดชมพูคิดไม่ถึงว่าฉินเฟิงจะใจกล้าถึงขนาดดึงผ้ารัดเอวของนางต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ นางจึงหน้าซีดด้วยความตกใจ


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ