บทที่ 191 ขึ้นเรือสำราญยามวิกาล
ฉินเฟิงต้องการพยาน!
ในการพิสูจน์ว่าตนเองไม่ได้ทำอะไรเลย
หลีกเลี่ยงไม่ให้ตาเฒ่าฉิน พี่หญิงทั้งสาม รวมถึง… เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์แม่สาวหัวรุนแรงคนนั้นมาสอบสวนเอาความภายหลัง หากไม่ทำเช่นนี้ เมื่อถึงตอนนั้นต่อให้ฉินเฟิงกระโดดแม่น้ำหวงเหอล้างมลทินก็คงล้างไม่ออกแล้ว
ทันทีที่ฉินเฟิงมาถึงท่าเรือ ‘แม่เล้า’ ที่อายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปีก็เข้ามาหาเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
เรียกได้ว่าทำงานอย่างขยันขันแข็งมาก
“ไอหยา! นี่นายน้อยฉินไม่ใช่หรือ? ท่านไม่ได้มาที่นี่สักพักเลยนะ!”
“รีบเข้ามาเร็ว!”
ขณะแม่เล้านำฉินเฟิงและคนอื่น ๆ เข้ามา นางก็ตะโกนเข้าไปในเรือ “นายน้อยฉินมาแล้ว!”
เมื่อเสียงตะโกนดังขึ้น สถานการณ์ก็ราวกับบ่อปลาโดนระเบิด
ดาดฟ้าเรือที่ว่างเปล่าของเรือทั้งสามลำพลันคลาคล่ำไปด้วยฝูงชน
นางรำบนเรือสำราญกระตือรือร้นอย่างหาใดเปรียบ พากันกรีดร้องใส่ฉินเฟิง
“นายน้อยฉิน ทำไมท่านถึงหายหน้าไปนานขนาดนี้? หรือว่าท่านลืมข้าเสียแล้ว? ครั้งก่อนท่านเพิ่งบอกว่าจะมาเล่นลูกไม้ใหม่ ๆ กับข้าน้อยไม่ใช่หรือ หรือว่าท่านใจไม่กล้า?”
“ฮิ ๆ ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน นายน้อยฉินดูหุ่นล่ำมากกว่าเดิมนัก คงจะพักผ่อนอยู่ที่บ้านกระมัง?”
“ยังมีหน้ามาพูดอีก! เป็นความผิดของสตรีน่าตายเช่นเจ้านั่นแหละ ที่ทำให้นายน้อยฉินของเราร่างกายอ่อนล้าไปหมด”
เดิมทีฉินเฟิงเชิดหน้า อกผายไหล่ผึ่ง แต่หลังจากถูกบรรดานางรำล้อเลียนเช่นนี้ เขาก็หดตัวลงทันที
นี่มันอะไรกัน?!
ความทรงจำเดียวของฉินเฟิงที่มีต่อทะเลสาบแสงจันทร์ก็คือ เขาพลัดตกลงไปในน้ำจนเกือบตาย
ลูกไม้ใหม่ ๆ รึ? ร่างกายอ่อนล้าหรือ?
ฉินเฟิงไม่ค่อยเข้าใจในตอนแรก จากนั้นก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ!
เจ้าของร่างเดิมได้ทำ ‘เรื่องดี ๆ’ เอาไว้มากมายก่ายกอง แต่เขากลับจำไม่ได้เลยหรือ?
หรือว่าความทรงจำที่ไม่เหมาะสมกับเด็กและเยาวชนทั้งหมดจะถูกลบออกไป?
ฉินเฟิงรู้สึกเหมือนสูญเสียเงินไปหลายร้อยล้าน เขาเสียใจมากจนอยากจะตายเสียให้ได้!
เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นเป็นระยะ ๆ
แขกบนเรือต่างพากันออกมาชมเรื่องสนุกกัน
แขกที่สามารถฝากชื่อไว้ที่ทะเลสาบแสงจันทร์ได้ ถ้าไม่รวยล้นฟ้าก็ต้องเป็นผู้สูงศักดิ์
นอกจากนี้ยังมีบุตรหลานในเมืองหลวงอีกมากมาย
เมื่อเห็นฉินเฟิงเดินเข้ามาจากโถงทางเดิน บรรดาแขกเหรื่อก็อดไม่ได้ที่จะชี้ไม้ชี้มือมา
“ฮ่า ๆ! ข้าคิดว่าฉินเฟิงเปลี่ยนนิสัยแล้ว นี่ผ่านไปแค่กี่วันเอง ตัวตนที่แท้จริงก็เปิดเผยแล้วรึ?! จะว่าไป เจ้าหมอนี่กำลังจะแต่งงานกับเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ แต่ยังคงกล้ามาเหยียบเรือสำราญอีก เขาไม่กลัวถูกเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ฆ่าหรืออย่างไร?”
“หุบปาก อย่าพูดไร้สาระ! เราจะเกลียดหรือรังเกียจบุรุษผู้นี้อย่างไรก็ได้ แต่อย่าพูดออกมา”
“เจ้ากลัวอะไรเล่า!” ขุนนางในชุดคลุมผ้าแพรเบะริมฝีปากด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม
ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้าง ๆ ดวงตาฉายแววล้ำลึก พูดด้วยน้ำเสียงเข้มงวด “เกรงว่า พวกเจ้าจะยังไม่รู้ เจ้าหมอนี่เพิ่งมีเรื่องกับหลินเฟยโม่วันนี้เอง!”
ทันทีที่สิ้นประโยค สายตาของทุกคนก็แปรเปลี่ยนไป
“อะไรนะ! นายน้อยหลิน? นายน้อยหลินกลับเมืองหลวงมาเมื่อใด?”
“ฮ่า ๆๆ ฉินเฟิงโง่เขลาจนกล้ามีเรื่องกับนายน้อยหลินรึ เขาต้องได้รับผลที่ตามมาแน่!”
“นายน้อยหลินเป็นหลานชายของกุ้ยเฟยเหนียงเหนียง รอก่อนเถิด คราวนี้มีคนมาช่วยระบายความโกรธแทนเราแล้ว!”
เมื่อชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนจะมีเส้นสายมากมายได้ยินบทสนทนาระหว่างบุตรหลานขุนนางทั้งหลาย เขาก็อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย “ช่วยระบายความโกรธแค้นแทนพวกเจ้ารึ! คิดดูให้ดีเถิด หลินเฟยโม่ผู้นั้นยังเอาตัวไม่รอดเลย จะมีอารมณ์มาสนใจพวกเจ้าได้อย่างไร วันนี้ที่ค่ายฝึกซ้อมของฉินเฟิง เพื่อนในกองทัพมังกรซ่อนพยัคฆ์ของข้าเห็นหลินเฟยโม่ถูกฉินเฟิงทุบตีจนร้องไห้ด้วยตาของตัวเอง!”
เฮือก…

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ