บทที่ 190 ร่วมห้องก่อนแต่ง?
เมื่อนึกถึงต้นฉบับที่เพิ่งอ่าน
เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ก็รู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้น
ทั้งเมืองหลวงมีใครไม่รู้บ้างว่าฉินเฟิงเป็นคนบ้าไร้ยางอาย? ทว่าอารมณ์อันละเอียดอ่อนระหว่างบรรทัดช่างน่าหลงใหลนัก หากไม่ใช่เพราะมีลายมือน่าขยะแขยงเป็นหลักฐาน เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์คงไม่มีทางเชื่อเลยว่าต้นฉบับนี้เขียนโดยฉินเฟิงจริง ๆ
มีคำกล่าวที่ว่า ‘รู้จักผู้คนผ่านตัวอักษร’
นางมองไม่ออกเลยว่าฉินเฟิง เจ้าคนที่เห็นแก่เงิน ไม่เคารพกฎหมาย อีกทั้งบางครั้งยังบ้า ๆ บอ ๆ จะมีด้านที่อ่อนโยนขนาดนี้…
ขณะที่เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์กำลังสับสนนี้เอง ฉินเฟิงก็พึมพำบางอย่างออกมา ยามนี้ชายหนุ่มกำลังจมอยู่ในห้วงความฝัน
เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์เงี่ยหูฟังอยู่ครู่หนึ่ง ทำให้ได้ยิน…
“เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าอย่าเข้ามา ได้โปรด… ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย”
“เจ้า!”
หลังจากได้ยินคำละเมอของฉินเฟิงอย่างชัดเจน ใบหน้าของเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที คิดไม่ถึงว่าเจ้าคนผู้นี้ขนาดหลับฝันก็ยังกลัวนางมาก นี่พิสูจน์ได้แล้วว่า วันนี้ฉินเฟิงไม่ได้ยุ่งอยู่กับการสร้างกองทัพใหม่อันใดเลย เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มใช้เรื่องนั้นเป็นข้ออ้างจงใจหลีกเลี่ยงนาง
เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ยิ่งโกรธมากกว่าเดิม “เจ้าคนไร้ยางอาย เจ้าอยากนอนนักใช่หรือไม่!”
เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์บีบจมูกของฉินเฟิง หมายมาดว่าจะทำให้เขาขาดใจตาย
ทางเดินลมหายใจของฉินเฟิงถูกปิดกั้น ทันใดนั้นชายหนุ่มก็สะลึมสะลือตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงง คิดว่าเป็นเสี่ยวเซียงเซียงที่มาแกล้ง
เขาจึงโอบเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์เข้ามาในอ้อมแขน บิดตัวและกดเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ลงบนเตียงด้วยท่าทางที่ชำนาญนัก และหลังจากลูบคลำสัมผัสอยู่พักหนึ่ง เขาก็ปิดเปลือกตานอนหลับต่อ
ฉินเฟิงง่วงมากจนหลับไปอีกครั้งในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ
นายน้อยฉินไม่รู้เลยว่าสตรีในอ้อมแขนที่มีใบหน้าแดงก่ำกำลังจ้องมองเขาอย่างดุร้ายด้วยสายตาอาฆาตแค้น
เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์เกือบจะหยิบแส้ขึ้นมารัดรอบคอฉินเฟิงตามสัญชาตญาณ เตรียมที่จะบีบคอโจรเด็ดบุปผาผู้นี้ให้ตายคามือแล้ว
ในฐานะบุตรีของหนิงกั๋วกง เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์เคยโดนปฏิบัติอย่างหยามเกียรติเช่นนี้เสียเมื่อไหร่กัน? หากข่าวนี้แพร่งพรายออกไปแล้วล่ะก็ นางคงไม่มีหน้าจะอยู่ต่ออีกแล้ว
ตอนที่เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์กำลังจะลงมือเด็ดขาด แต่ก็พลันนึกอะไรบางอย่างได้…
เหมือนว่า… นางกำลังจะต้องแต่งงานกับเขาเร็ว ๆ นี้มิใช่หรือ?
พอคิดถึงเรื่องนี้ มือของเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ก็อ่อนลงเล็กน้อย นางมองดูท่าทางการนอนหลับของฉินเฟิง เมื่อนางก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากบาง พลางกระซิบกับตัวเองเสียงเบา “ถ้าไม่มีสัญญางานแต่ง ข้าคงฆ่าเจ้าไปนานแล้ว!”
หลังจากพูดจบ เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์วางแผนจะผลักแขนฉินเฟิงออกไป และหลบหนีจากที่แห่งนี้โดยเร็ว
แต่ผลก็คือ เมื่อคุณหนูเซี่ยผลักแขนฉินเฟิงออกไป ชายหนุ่มก็ยิ่งกอดรัดนางแน่นขึ้น ทั้งยังพูดละเมอว่า “อย่า… อย่าขยับไปมา นอนแบบนี้สบายที่สุดแล้ว”
เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ใบหน้าแดงก่ำ นางแทบอยากจะมุดดินหนีไปให้รู้แล้วรู้รอด
ในฐานะสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือน ถูกบุรุษโอบกอดก็แล้วไปเถิด แต่นี่ยังต้องนอนด้วยกันอีกรึ? มันจะเป็นไปได้อย่างไร!
แม้เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์จะคัดค้านสับสนอยู่ในใจ แต่อ้อมแขนนายน้อยฉินก็รัดแน่นเกินกว่าจะทำอะไรได้ และหากนางดิ้นรนจนทำให้ฉินเฟิงตื่นขึ้นมา ก็เกรงว่าจะเกิดความเข้าใจผิดได้
เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้ หญิงสาวอดกลั้นความเขินอายและความกังวลที่แผดเผาร่างกายเอาไว้ พึมพำดุด่าด้วยเสียงแผ่วเบา แต่ก็ปล่อยให้ฉินเฟิงกอดตนเองต่อไปอย่างนั้น
จนกระทั่งแสงจันทร์ส่องผ่านหน้าต่าง เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์จึงใช้ประโยชน์ตอนเขาพลิกตัวผละหนี และเป็นอิสระในที่สุด นางรีบกระโดดลงจากเตียงพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก
เมื่อมองฉินเฟิงซึ่งกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงอีกครั้ง แก้มของเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ก็แดงปลั่งขึ้นมา นางยกแส้หนังขึ้น คิดจะสั่งสอนบทเรียนให้ชายหนุ่มเสียให้เข็ด แต่เมื่อยกมันขึ้นมาแล้วก็อดไม่ได้ที่จะวางมันกลับไป
เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์หันกลับไปมองค่ำคืนอันเงียบสงบนอกหน้าต่าง ถ้าฉินเฟิงตื่นขึ้นมา เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ ต่อให้กระโดดแม่น้ำหวงเหอก็พูดอธิบายได้ไม่ชัดเจน
ช่วงระหว่างงานเลี้ยงตอนกลางวัน ฉินเฟิงก็หลีกเลี่ยงการพบนาง สำหรับจวนตระกูลเซี่ยนั่นนับว่าน่าอับอายมากพอแล้ว
ตอนนี้ นางยังมา ‘ค้างคืน’ อยู่ในห้องของฉินเฟิงอีก หากเรื่องแพร่กระจายออกไป ในอนาคตนางคงไม่มีหน้าไปพบใครได้แล้ว
เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ทั้งอายทั้งโกรธ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกระทืบเท้า และพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ให้ตายสิ รอแต่งงานกันเมื่อไหร่เถอะ ข้าจะจัดการเจ้าให้เสียสิ้นซาก! เรื่องไร้สาระในวันนี้ข้าจำเอาไว้แล้ว ต่อไปยังมีเวลาอีกนาน!”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ