เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ นิยาย บท 20

บทที่ 20 เลื่อยขาเก้าอี้

ฉินเฟิงไม่สนใจว่าตระกูลเฉิงจะคิดอย่างไร ต่อให้ฟ้าถล่มลงมา เขาก็มีตาแก่ฉินเทียนหู่คอยค้ำยัน เจ้าพวกนั้นไม่มีทางกดหัวเขาได้อย่างแน่นอน

พวกเขาต่างก็เป็นขุนนางรุ่นที่สอง แถมยังเป็นขุนนางรุ่นสองที่เรืองอำนาจมากที่สุดในต้าเหลียง หากมัวทำสิ่งต่าง ๆ แบบห่วงหน้าพะวงหลังย่อมผิดต่อสถานะของตน

หลังจากที่นายน้อยตระกูลฉินได้เงินมา เขาก็สาวเท้าออกไปอย่างอวดเบ่ง โดยไม่สนใจสายตาซับซ้อนของฝูงชนที่กำลังแทะเมล็ดแตง

ไม่ง่ายเลยที่จะได้ออกมาจากจวนสักครั้ง ดังนั้น ชายหนุ่มจึงไม่อาจกลับไปง่าย ๆ ฉินเฟิงพาเหล่าผู้ติดตามตัวน้อยเดินวางมาดไปที่หอเซียนเมามาย หอสุราอันดับหนึ่งของเมืองหลวงเพื่อรับประทานอาหาร

เสี่ยวเอ้อร์ของหอสุรามีดวงตาเฉียบคม เขาจำฉินเฟิงได้อย่างรวดเร็วและรีบถูมือเข้ามายิ้มให้ทำใจดีสู้เสือ “ไอหย๋า นายน้อยฉินนี่เอง? เป็นเกียรติที่ท่านมาร้านเล็ก ๆ ของเรา เชิญทางนี้ขอรับ”

เสี่ยวเอ้อร์หอสุราก้มศีรษะโค้งเอว ทำท่าทางเชิญชวน เขาชี้ไปที่โต๊ะสี่เหลี่ยมตรงหัวมุม

ฉินเฟิงหน้าหงิกหน้างอ เขาคว้าหูของเสี่ยวเอ้อร์แล้วหรี่ตาขู่ “ไอ้หนู เจ้าดูถูกข้าหรือ? ถึงจะให้ข้านั่งโต๊ะหลืบมุม? ฉินเสี่ยวฝู หักขาสุนัขของมันกระตุ้นความทรงจำเสียหน่อย”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสี่ยวเอ้อร์*[1] หอสุราพลันหน้าซีดด้วยความตกใจ เขาคุกเข่าร้องขอความเมตตา “นายน้อยฉิน ต่อให้ท่านให้ข้ายืมหนึ่งร้อยความกล้า ข้าก็ไม่กล้าดูถูกท่าน เพียงแต่วันนี้ขายดีมาก ห้องส่วนตัวถูกจองหมดแล้วขอรับ”

นายน้อยตระกูลฉินไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาเตะตูดเสี่ยวเอ้อร์หนึ่งที “จอง? น่าขัน นายน้อยอย่างข้าออกมากินข้าวมื้อหนึ่งยังต้องจองหรือ? ถ้าข้าจองตามขั้นตามตอนจะไม่เสียหน้าลูกผู้ดีมีเงินอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงรึ?”

ทันทีที่คำพูดนี้ออกมาแขกทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ก็กลอกตาและส่งเสียงซุบซิบเหยียดหยาม

“เจ้าหมอนี่รู้ว่าตัวเองมีชื่อเสียงเหม็นโฉ่ทั่วเมืองหลวง นอกจากไม่ละอายแล้วยังภูมิใจ? เขาเปิดโลกข้าจริง ๆ”

“นายน้อยฉิน ทั่วเมืองหลวงใครบ้างไม่รู้จัก ใครบ้างไม่ทราบ? ว่าเลื่องลือเรื่องรังแกผู้อ่อนแอ ทว่าหวาดกลัวผู้แข็งแกร่ง!”

“คำพูดนี้ไม่ค่อยถูกต้อง รังแกคนอ่อนแอเป็นเรื่องจริง ทว่าหวาดกลัวผู้แข็งแกร่งนั้นไม่แน่ ข้าเพิ่งได้ยินมาว่าเจ้าเด็กคนนี้เกือบทำให้เลขาธิการกรมคลังโกรธเสียจนกระอักเลือด”

“ว่ากันว่าหลังจากตกลงไปในแม่น้ำเขาก็เปลี่ยนไป… จากนักเลงกลายเป็นอันธพาลใหญ่ ควรอยู่ให้ห่างจากคนประเภทนี้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา”

เมื่อได้ยินเสียงกระซิบกระซาบรอบ ๆ ฉินเฟิงไม่เพียงไม่โกรธ แต่ยังแอบรู้สึกลำพองใจ

ต่อให้พวกเจ้ามองว่าข้าขัดหูขัดตาก็ไม่สามารถจัดการข้าได้อยู่ดี

ฉินเฟิงซึ่งปฏิบัติตามกฎและทำงานอย่างมีความรับผิดชอบมาตลอดชีวิต ในที่สุดก็ได้ประสบความสำเร็จในการเป็นคนทราม เขาต้องการจะเพลิดเพลินไปกับความสุขในเส้นทางของการเป็น ‘คนไร้ยางอาย’

เมื่อหลงจู๊*[2] ที่อยู่ข้าง ๆ เห็นเหตุการณ์ก็รีบเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้มประจบทันที “ไอหยา น้ำท่วมไหลเข้าวัดราชามังกร ครอบครัวเดียวกันไม่รู้จักกันแล้ว*[3]”

ขณะพูด หลงจู๊ก็เตะเสี่ยวเอ้อร์ของร้านอย่างแรง “นายน้อยฉิน ท่านโปรดยั้งโทสะ เจ้าเด็กคนนี้เพิ่งมาใหม่ มีตาหามีแววไม่ นายน้อยฉินมากินอาหารหอเซียนเมามายเพราะคำนึงถึงพวกเรา จำเป็นต้องจองที่ไหนกัน เชิญขอรับ ๆ”

ดีมาก! ยิ่งสายตาดูถูกรอบกายเหยียดหยามมากขึ้น ศีรษะของฉินเฟิงก็ยิ่งเงยสูง เขาวางท่าเย่อหยิ่งเต็มประดา ก่อนจะพาฉินเสี่ยวฝูและคนอื่น ๆ ตรงไปที่ห้องส่วนตัวใจกลางร้าน

เสี่ยวเอ้อร์หอสุรารู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม “หลงจู๊ เหตุใดหอเซียนเมามายของเราต้องกลัวเจ้าวายร้ายคนนี้ด้วย!”

“เจ้าจะไปเข้าใจอะไร!” หลงจู๊จ้องเขม็งและกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “แขกที่มาเยือนหอเซียนเมามาย มีใครบ้างไม่ใช่ผู้สูงศักดิ์? ถ้าเจ้าวายร้ายคนนี้ขัดความสุนทรีย์แขกผู้มีเกียรติทุกคน นั่นถึงจะเป็นสูญเสียที่แท้จริง”

กิจการของหอเซียนเมามายทุกวันนี้ดีถึงที่สุด ที่นั่งเกือบทั้งหมดถูกจองจนเต็ม ภายในร้านคับคั่งไปด้วยผู้คนทว่าไม่ได้ส่งเสียงดังเอะอะ เพราะท้ายที่สุด คนที่มาที่นี่ล้วนเป็นชนชั้นสูง

บนเวทีไม้กลางร้าน มีหญิงสาวผู้หนึ่งนั่งถือผีผา ซ่อนใบหน้าครึ่งหนึ่งไว้ใต้ผ้าคลุม นางคือเสิ่นชิงชวง อันดับต้น ๆ ของเรือนอี๋หงที่หอเซียนเมามายเชิญมาด้วยเงินจำนวนมาก นางกำลังบรรเลงเพลงผีผาอย่างอ่อนช้อย

ทุกคนดื่มกินอย่างเพลิดเพลิน พวกเขาเคลิบเคลิ้มไปกับเสียงดนตรี ทันใดนั้นเอง เสียงที่ไม่กลมกลืนก็แทรกขึ้นมาทำลายบรรยากาศสูงส่งภายในหอสุรา

“ข้าถามว่าพวกเสี่ยวเอ้อร์ไปตายที่ไหนกันหมด? นายน้อยอย่างข้ามาถึงตั้งนานแล้ว กลับไม่มีใครคอยต้อนรับ หรือกลัวว่าข้าจะกินแล้วไม่จ่ายเงิน”

ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา แขกทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็ลอบกัดฟัน พวกเขาเกลียดไอ้อันธพาลฉินเฟิงยิ่งนัก แต่ถึงอย่างไรก็ทำอะไรมันไม่ได้ เพราะไม่มีใครยินดีที่จะฉีกหน้าเสนาบดีกรมกลาโหม

เสิ่นชิงชวงขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาแสดงออกถึงความไม่พอใจเช่นกัน แต่ก็ทำได้เพียงแสร้งไม่ได้ยิน

หลงจู๊ประจำร้านทำอะไรไม่ถูก เขาพูดกับเสี่ยวเอ้อร์ที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยความโกรธ “ยังงุนงงอะไรอยู่อีก? รีบไปรับใช้นายน้อยท่านนั้นซะ”

ฉินเฟิงไขว่ห้างรับรายการอาหารมาแต่ไม่รีบร้อนที่จะสั่ง เขาเพียงส่งมันให้ชูเฟิงและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวชูชู ชอบกินอะไร? เชิญสั่งได้เลย นายน้อยรวย!”

เมื่อชูเฟิงรู้สึกถึงสายตารังเกียจรอบตัว นางก็อายจนหน้าแดงจึงเอ่ยเสียงเบา “ข้าน้อยเป็นแค่บ่าวรับใช้เจ้าค่ะ ไม่ว่านายน้อยจะให้รางวัลอะไร ข้าน้อยก็จะกินเจ้าค่ะ”

ฉินเฟิงกลอกตา คว้าเมนูและเอ่ยเสียงดัง “ถ้าเจ้าไม่สั่ง นายน้อยจะสั่งให้เจ้า นี่ นี่ นี่ แล้วก็นี่ ช่างเถอะ เสี่ยวเอ้อร์ นำอาหารทั้งหมดที่มีราคามากกว่าสิบตำลึงเงินมาอย่างละหนึ่งชุด เร่งให้เร็วหน่อย หากช้า ข้าจะไม่ให้เงิน”

แขกที่อยู่รอบ ๆ ไม่สามารถทนกับใบหน้าราว ‘เศรษฐีใหม่’ ของฉินเฟิงได้ พวกเขาต่างพากันกระซิบกระซาบสาปแช่ง

“คิดว่าตัวเองเป็นใคร! มีเงินเหม็น ๆ อยู่นิดหน่อย ช่างอวดเบ่งเสียจริง!”

“ใช่แล้ว! หอเซียนเมามายเป็นสถานที่หรูหราสง่างาม เหตุใดถึงปล่อยให้แมวและสุนัขเข้ามา”

“อารมณ์อันสุนทรีย์ของนายน้อยอย่างข้าถูกเจ้าสารเลวนี่รบกวนหมดแล้ว!”

ฉินเฟิงต้องการเป็นจุดสนใจของหอเซียนเมามาย เพื่อดูว่ามีผู้สูงศักดิ์และคนดังแห่งเมืองหลวงคนใดบ้างที่ไม่ชอบเขา!

ใครก็ตามที่กล้าโผล่หัวออกมาแตะต้องเขาเพียงปลายนิ้ว เขาจะผลักมันให้ล้มลงไปชักดิ้นชักงอบนพื้น และด่าให้เจ็บเจียนตายเลยคอยดู!

เพื่อให้นายน้อยเจ้าสำราญสงบลง หนึ่งในสามของพนักงานหอเซียนเมามายล้วนรวมตัวกันอยู่ที่ห้องส่วนตัวของเขา หากฉินเฟิงมองมาก็จะรีบเข้าไปบริการทันที

ห้องครัวด้านหลังยังจดจ่ออยู่กับการปรุงอาหารของฉินเฟิง แขกคนอื่น ๆ ล้วนต้องรอก่อน

หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งโต๊ะก็เต็มไปด้วยอาหารรสเลิศ

ชูเฟิงกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อรู้สึกถึงสายตาประสงค์ร้ายของผู้เป็นนาย นางก็ลดศีรษะลงอย่างรวดเร็ว พวงแก้มแดงระเรื่อ

ดูไม่ออกเลยว่า สาวน้อยคนนี้เป็นนักกิน!

ฉินเฟิงชอบชูเฟิงผู้นี้มาก ชายหนุ่มสาบานว่าเขาไม่ได้โลภในร่างกายของนาง เพียงแต่ประทับใจในทักษะการเตะต่อยเท่านั้น

นับตั้งแต่ถูกลอบสังหาร จิตใจไร้เดียงสาของเขาก็บอบช้ำอย่างหนัก ชายหนุ่มตระหนักดีถึงข้อบกพร่องของตนเอง

ไม่มีแม้แต่มือดีข้างกาย นี่ไม่ดูถูก ‘นายน้อย’ ของตระกูลเกินไปหรอกหรือ?

ตอนนี้ฉินเฟิงคิดอยู่อย่างเดียว เขาต้องการ ‘เก็บ’ สาวน้อยชูเฟิงมาไว้ในมือ

“อร่อยหรือไม่?” ผู้เป็นนายมองดูชูเฟิงด้วยรอยยิ้ม

คนถูกถามดึงคอเสื้อขึ้นโดยไม่รู้ตัว นางหันหน้าหนีและพูดอย่างกระวนกระวาย “นาย… นายน้อยคิดจะทำอะไรเจ้าคะ? ข้า… ข้าเป็นคนของคุณหนูสี่”

“เจ้าคิดไปถึงไหนเนี่ย!”

“เจ้าเห็นข้าเป็นคนเช่นนั้นรึ มีคำกล่าวที่ว่า กระต่ายไม่กินหญ้าข้างรัง*[4] ใช่หรือไม่เล่า เสี่ยวเซียงเซียง” ฉินเฟิงกอดเสี่ยวเซียงเซียงไว้ในอ้อมแขนเพื่อให้นางเป็นพยานว่าเขาไม่ใช่คนบ้ากามที่คิดลงมือกับสาวใช้อย่างแน่นอน

บทที่ 20 เลื่อยขาเก้าอี้ 1

บทที่ 20 เลื่อยขาเก้าอี้ 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ