บทที่ 206 การฝึกมหาโหด
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา สายตาของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง
ความสงสัยที่มีต่อฉินเฟิงพลันอันตรธานไปทันที
เหล่าทหารที่เหนื่อยล้าค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้นด้วยแรงดึงจากสหายร่วมรบของพวกเขา ก่อนจะยืนตั้งแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แม้พวกเขาจะยังเหนื่อยล้า แต่ดวงตากลับมั่นคงไม่หวั่นไหว
ฉินเฟิงโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้พวกเขาสามารถกลับไปพักผ่อนได้
ฉินเสี่ยวฝูวางเตาถ่านไว้ตรงหน้านายน้อย แล้วเอาเนื้อสดมาหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ เสียบเข้ากับแท่งไม้ไผ่ตามคำสั่ง
ฉินเฟิงวางเนื้อเสียบไม้ลงบนเตาถ่าน แล้วย่างอย่างระมัดระวัง โรยเครื่องปรุงรสลงไปเล็กน้อย แล้วยื่นเนื้อเสียบไม้สองสามอันให้กับสวีโม่และหนิงหู่ พวกเขาทั้งสามกินอย่างเอร็ดอร่อยขณะที่หารือกันเรื่อง ‘แผนการล่อลวงทหาร’ ในขั้นต่อไป
เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งชั่วยาม ฉินเฟิงส่งเนื้อเสียบไม้เข้าปาก แล้วพูดด้วยเสียงอู้อี้ฟังไม่ชัด “พอแล้ว หนิงหู่ไปเรียกรวมพลทหารทุกนายมา พาพวกเขาไปวิ่งอีกรอบ!”
หนิงหู่คิดไม่ถึงว่าฉินเฟิงจะโหดขนาดนี้ จึงเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “เพิ่งวิ่งเสร็จไม่ใช่หรือ? ฝึกโหดขนาดนี้ ถ้าเกิดว่าร่างกายรับไม่ไหวและล้มป่วยไปจะทำอย่างไรเล่า”
ฉินเฟิงโบกมือเป็นเชิงบอกว่าไม่ต้องกังวล พลันเขาพูดพร้อมรอยยิ้มร้ายกาจ “ศักยภาพของมนุษย์นั้นอยู่เหนือขอบเขตจินตนาการของเจ้า พวกเขาไม่ล้มป่วยเพราะการฝึกหรอก ยิ่งไปกว่านั้น ข้าจะฝึกพวกเขาให้แทบสิ้นใจตาย จนไม่มีเวลาไปทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อื่น จะทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าพวกเขาจะมีปฏิกิริยาตอบสนองที่สมบูรณ์แบบ จากนั้นค่อยลดจำนวนการฝึกลง”
หนิงหู่ครุ่นคิดตาม ในที่สุดเขากับสวีโม่ก็รีบวิ่งไปที่ค่ายฝึกซ้อม ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนราวกับสุกรถูกเชือดตามมา
ทหารที่เพิ่งนอนได้แค่หนึ่งชั่วยามถูกทั้งสองคนไล่ต้อนเหมือนเป็ด พวกเขาก่นด่าสาปแช่งขณะกัดฟันวิ่งไปทางกำแพงเมือง
ตลอดทั้งคืน ไม่มีใครได้พักผ่อนดี ๆ เลยสักคน
หลังจากวิ่งไปสามรอบ รุ่งสางก็มาเยือน ผู้บงการเบื้องหลังอย่างฉินเฟิงผล็อยหลับไปแล้ว และในที่สุดเหล่าทหารก็ได้พักผ่อน
เพื่อฝึกฝนทหารใหม่ ฉินเฟิงจึงพักอาศัยกินนอนอยู่ที่ค่ายฝึกซ้อม
ช่วงสามวันแรก เขาไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นเลย นอกจากพยายามทรมานทหารสามร้อยนายทุกวิถีทาง
ความไม่พอใจในช่วงแรกของเหล่าทหารแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้น จากนั้นก็กลายเป็นความสิ้นหวัง และเฉยชาไปในที่สุด
ตอนที่ฉินเฟิงส่งหนิงหู่ไปเรียกรวมพลฝึกช่วงเที่ยงคืนอีกครั้ง ก็ไม่มีทหารคนไหนบ่นอีกต่อไป อีกทั้งพวกเขากยังลุกขึ้นทันที อุทิศตนให้กับการฝึกจนเกือบจะเหมือนเครื่องจักรกลทีเดียว
เมื่อทุกคนเริ่มยอมรับการฝึกที่โหดร้ายทารุณนี้ ประโยชน์ของการฝึกก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน
ช่วงกลางดึกของวันที่สี่ ทหารทั้งสามร้อยนายสามารถวิ่งรอบเมืองได้ภายในเวลาครึ่งชั่วยาม นั่นนับเป็นการเสร็จสิ้นการฝึกพื้นฐานอย่างการวิ่งรอบเมืองแล้ว
หลังจากนั้น การวิ่งก็กลายเป็นเรื่องปกติ ดูจากระยะทางทั้งหมด พวกเขาวิ่งเกือบห้าสิบกิโลเมตรทุกวัน
กระทั่งทหารทั้งสามร้อยนายปรับตัวเข้ากับการฝึกวิ่งได้อย่างสมบูรณ์ ความยากก็เพิ่มขึ้นอีก เริ่มแรกมีการสวมอุปกรณ์เบา ค่อย ๆ เพิ่มความยากไปจนถึงการแบกของหนัก และน้ำหนักของสิ่งที่แบกก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อีกที
ช่วงขณะที่หลู่หมิงนำช่างฝีมือค่อย ๆ เปลี่ยนลานกว้างให้กลายเป็นค่าย และสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการฝึกจำนวนมากตามภาพแบบจำลองที่ฉินเฟิงมอบให้ อีกฝั่งหนึ่ง การวิ่งกลายเป็นการฝึกที่ขาดไปไม่ได้แล้ว
เมื่อเวลาล่วงผ่าน การฝึกทางกายภาพที่โหดร้ายประเภทต่าง ๆ ก็เริ่มต้นสลับหมุนเวียนกันไป…
ช่วงเดียวกันนั้นเอง ร้านหนังสือก็สร้างแล้วเสร็จ
ด้วยการทำงานทั้งวันทั้งคืนของแท่นพิมพ์และแท่นเย็บเล่ม ในที่สุด ‘ตำนานแสงจันทร์’ ก็สามารถวางจำหน่ายได้ ชุดแรกมีจำนวนหนึ่งพันเล่ม นอกเหนือจากการเลือกจุดขายห้าจุดแล้ว หนังสือบางส่วนยังถูกส่งไปยังหอวิจิตรศิลป์ โดยมีพี่หญิงใหญ่เสิ่นชิงฉือเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายด้วย


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ