บทที่ 249 ชัยชนะจากการล้างบาง
เมื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มโจรภูเขาที่ยังคงหลั่งไหลเข้าไปในหุบเขา ฉินเฟิงที่นั่งอยู่เริ่มวางแผนอนาคตของเมืองเป่ยซีอย่างสงบเยือกเย็น สำหรับสงครามที่น่าเศร้าและน่าหดหู่เบื้องหน้า เขาได้ลืมมันไปจากสมองแล้ว
สุดท้ายนั้น ชายหนุ่มยังคงประเมินความสามารถทางทหารของค่ายเฟยอิงสูงเกินไป
อีกทั้ง…
เมื่อฉินเฟิงควบคุมม้าศึก ล่อให้จงหลิงติดกับดัก ผลคือค่ายเฟยอิงกระโดดเข้าใส่อย่างบ้าคลั่งจริง ๆ
เห็นได้ชัดว่าค่ายเฟยอิงสนใจศีรษะของฉินเฟิงเป็นอย่างมาก
ส่วนเหตุผลก็ไม่จำเป็นต้องสืบสาวราวเรื่องต่อไปอีก
เพราะอย่างไรศัตรูของฉินเฟิงก็มีอยู่ทั่วทุกสารทิศ กล่าวได้ว่า ‘มีศัตรูมากมาย แต่ไม่จำเป็นต้องเอามากดดันตนเอง’
ตอนนี้เขาเพียงต้องปกป้องทางเข้าหุบเขาแห่งนี้เท่านั้น
เพียงเวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งชั่วยามนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น ค่ายเฟยอิงก็มีผู้บาดเจ็บล้มตายหลายร้อยคน
ดวงตาของหลีฉี่แดงฉาน เขาคำรามอย่างบ้าคลั่ง “ฆ่ามัน! ฆ่า! ฆ่า!”
พลันในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ลำแสงไฟดวงหนึ่งก็แผ่กระจายออกมาจากบริเวณไหล่เขา
จงหลิงอุทานลั่น “แย่แล้ว! ฉินเฟิงแบ่งกองกำลังจู่โจมค่ายที่มั่นบนภูเขา!”
ขณะนี้แววตาของจงหลิงเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาจ้องเขม็งไปยังหุบเขาที่ฉินเฟิงอยู่ด้วยสีหน้าหวาดกลัว “เจ้านั่นมีกำลังในมือเพียงร้อยกว่าคนเท่านั้น แต่ยังกล้าที่จะแบ่งกองกำลัง ยกทัพขึ้นโจมตีค่ายที่มั่นบนภูเขา! กำลังรบทหารองครักษ์ดุร้ายถึกทนถึงเพียงนี้ได้อย่างไร!”
จงหลิงรู้ดี เหตุผลเดียวที่ฉินเฟิงกล้าแบ่งกองกำลังคือความมั่นใจอย่างเต็มที่ในกำลังรบของทหารองครักษ์
หากทหารต้าเหลียงมีพลังในการต่อสู้เช่นนี้ เป่ยตี๋จะต้องตกอยู่ในมหันตภัยครั้งใหญ่อย่างแน่นอน
ในเมื่อกองทัพใหม่ได้รับการฝึกฝนโดยฉินเฟิง เช่นนั้นสิ่งที่เขาต้องทำก็คือสังหารฉินเฟิงเสีย เพื่อกำจัดรากฐานของกองทัพใหม่!
เมื่อตระหนักได้ถึงสิ่งนี้ ทันใดแววตาของจงหลิงพลันมุ่งมั่นหาใดเปรียบ เขาคำรามขึ้นทันที “ทหารเป่ยตี๋จงรับคำสั่ง โจมตีหุบเขาทุกวิถีทาง ไม่ว่าต้องแลกด้วยสิ่งใด ต้องสังหารฉินเฟิงให้จงได้! หากพิจารณาจากคุณค่าเชิงกลยุทธ์ ฉินเฟิงนั้นสำคัญยิ่งกว่าเมืองเป่ยซีเสียอีก เพื่อเป่ยตี๋!”
คนของจงหลิงและหลีฉี่ร่วมมือกัน เปิดการโจมตีหุบเขาอย่างที่เกือบจะเรียกว่าบ้าคลั่ง
ผู้คนหลายร้อยคนรวมตัวกัน แย่งกันพุ่งเข้าใส่
ช่วงตอนนี้เอง ฉินเฟิงหยัดกายขึ้น เขายืดเอว แล้วเอ่ยกับสายลมแผ่วเบา “เป็นไปตามแผนเดิม การต่อสู้ในคืนนี้นำไปสู่บทสรุปที่น่าพึงพอใจแล้ว”
หนิงหู่คันไม้คันมืออยู่นานแล้ว เขาหยิบแตรเขาวัวออกมาทันที จากนั้นก็กลั้นหายใจแล้วออกแรงเป่า
เสียงแตรดังก้องไปทั่วทั้งหุบเขา
ระหว่างการต่อสู้อันดุเดือด ทหารองครักษ์พลันถอยกลับยังหุบเขาในพริบตา พวกเขาปีนขึ้นไปบนหลังม้าศึกของเป่ยตี๋ และควบทะยานไปที่ทางเข้าหุบเขา
เหล่าม้าศึกของเป่ยตี๋ถูกปิดตาไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว
บัดนี้ม้าศึกสามสิบตัวจึงพุ่งตรงเข้าสู่ทางเข้าคับแคบของหุบเขาเหมือนดังดาบคมกริบ
พวกโจรภูเขาและทหารม้าเป่ยตี๋ที่ยืนสกัดกั้นอยู่ข้างหน้า ถูกม้าชนอย่างรุนแรง เป็นไปไม่ได้เลยที่จะต้านทานพวกทหารองครักษ์
บ้างก็ถูกม้าศึกพุ่งชนจนบาดเจ็บสาหัส
บ้างก็ถูกทหารองครักษ์ฟันจนเสียชีวิต
คนส่วนใหญ่ที่ถูกชนจนล้มคว่ำล้วนประสบกับกีบม้าที่เหยียบย่ำตามลงมาอย่างดุเดือด
ทุกที่ที่มีม้าศึกผ่านไปราวกับว่าพื้นดินถูกไถราบ ศัตรูหลายร้อยคนล้มลงไปในทางเดียวกันอย่างน่าสยดสยอง
ศัตรูที่เหลือไม่ก่อภัยคุกคามอีกต่อไป
จงหลิงกับหลีฉี่จ้องมองม้าที่กำลังวิ่งและเหยียบย่ำไปมาในหุบเขาอย่างว่างเปล่า จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ในดวงตาของพวกเขาถูกแทนที่ด้วยความกลัวไปตั้งนานแล้ว

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ