บทที่ 275 เหตุวิวาทหอหงส์ครวญ
หอสุราที่คึกคักในยามนี้เงียบสนิท
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ฝูงชนถึงได้กลับมามีสติ
ชั่วพริบตาก็มีเสียงกระซิบกระซาบดังไม่หยุด
“ข้า… ข้ามองไม่ผิดใช่หรือไม่? ฉินเฟิงกำลังลูบหัวลูกพี่อยู่อย่างนั้นหรือ?”
“เอวของสตรีและศีรษะของบุรุษถือเป็นสิ่งต้องห้าม! ฉินเฟิงเพิ่งได้พบกับเจ้านายก็ดูถูกกันเช่นนี้ หรือว่าเขาเบื่อชีวิตแล้ว?”
“หึ! รนหาที่ตาย! แม้ว่าเขาจะมีเข็มขัดทองคำแล้วอย่างไรเล่า? ดูไปเถิด วันนี้ฉินเฟิงจะต้องเลือดตกยางออกแน่”
หลี่หลางกำไก่ย่างและไหสุราในมือแน่น ตกตะลึงค้างอยู่พักหนึ่ง จากนั้นใบหน้าซีดขาวก็แดงขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวเพราะโทสะที่รุนแรง
หลี่หลางหยิบไหสุราขึ้นมาหมายจะทุบใส่ศีรษะของฉินเฟิง อ้าปากตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “ฉินเฟิงไปตายซะ! ถ้าวันนี้ข้าไม่หักขาสุนัขของเจ้า ข้าก็ไม่ขอเป็นท่านหนานแห่งอำเภอฝูอวิ้น!”
แม้ว่าหลี่หลางจะยังอายุน้อย แต่ความแข็งแกร่งทางร่างกายน่าทึ่งยิ่งนัก ในตอนที่เขาเขวี้ยงไหสุรา ราวกับมีสายลมกระโชกแรง
หากโจมตีโดนขึ้นมาจริง ๆ สมองของฉินเฟิงคงไม่เหลือชิ้นดีอย่างแน่นอน
พอลงมือได้ก็คิดจะฆ่ากันเลยหรืออย่างไร?
คนหนุ่มสาวก็คือคนหนุ่มสาว ลงมือทำโดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา!
ฉินเฟิงสะดุ้ง กำลังจะเอามือกุมศีรษะวิ่งหนี แต่โชคดีที่ชูเฟิงตอบสนองอย่างรวดเร็ว นางยกเท้าเรียวเตะไปที่ข้อมือของหลี่หลางอย่างแม่นยำ
เพล้ง!
ไหสุราร่วงหล่นจากมือ กระแทกเข้ากับผนังจนแตกกระจาย
ฉินเฟิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขารีบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังชูเฟิง มือหนึ่งจับเอวของนาง มืออีกข้างชี้ผ่านไหล่ออกไปที่หลี่หลางพลางตะโกน “เป็นเด็กเป็นเล็ก กลับลงมือโหดเหี้ยมขนาดนี้! ข้ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจี้อ๋อง ท่านอ๋องเรียกข้าว่าหลานชายเสมอ จะว่าไปแล้ว ข้าถือเป็นพี่ชายของเจ้าเชียวนะ เจ้ากำลังวางแผนที่จะฆ่าพี่ชายหรือ? ช่างเป็นสัตว์เดรัจฉานจริง!”
หลี่หลางยังเด็ก ประกอบกับได้รับการสืบทอดพลังและความฉุนเฉียวรุนแรงของหมิงอ๋องมา อารมณ์จึงสามารถระเบิดได้ทุกเวลา
หลี่หลางไฉนเลยจะทนต่อการยั่วยุของฉินเฟิงได้ เขาระเบิดโทสะ “เจ้าหัวขโมยสุนัข เจ้าดูถูกข้าก่อน ตอนนี้ยังดูถูกพี่ชายของข้า! ข้า หลี่หลาง มีพี่ชายคนโตเพียงคนเดียวในชีวิตนี้ นั่นคือซื่อจื่อ*[1] อยากจะเป็นพี่ชายของข้า คนอย่างเจ้าคู่ควรด้วยรึ?! ไอ้หัวขโมยสุนัข วันนี้ไม่เจ้าก็ข้าต้องตายกันไปข้าง!”
“ยืนทำบ้าอะไรอยู่? ตีมันสิ! หากบาดเจ็บ ข้าจะดูแลเอง! หากทุบตีจนตาย ข้าก็จะจัดการเอง!”
หลังจากเสียงคำรามของหลี่หลาง กลุ่มนักเลงก็ได้สติกลับมาและหายจากอาการตกใจ พากันพุ่งไปข้างหน้าพร้อมแยกเขี้ยวยิงฟันอย่างรวดเร็ว
หนิงหู่เคยเห็นสนามรบอันโหดร้าย เคยฆ่าหยาเจี้ยงในตำนานของเป่ยตี๋ ฉากนักเลงอันธพาลตีกันเช่นนี้ สำหรับเขาแล้ว ไม่เพียงแต่ไร้ซึ่งความกดดัน แต่ยังรู้สึกขบขันอีกด้วย
หนิงหู่ไม่สนใจอะไร เพียงแค่ปล่อยหมัดเข้าที่หน้าของอันธพาลที่พุ่งเข้ามาอย่างจัง
เสียงก้องกังวานดังขึ้น
พลันอันธพาลคนนั้นก็ล้มลง เลือดกำเดาไหลกระจาย เป็นลมหมดสติไป ณ ตรงนั้น
แต่อันธพาลที่เหลือกลับไม่ยอมแพ้
ในขณะนี้เองก็มีเสียงคำรามดังมาจากทางบันได
“หนิงหู่ฆ่าจงหลิงได้ มีสมญานามแม่ทัพอันดับหนึ่งแห่งต้าเหลียง ถ้าเราทำให้เขาพิการได้ พวกเราก็จะมีชื่อเสียงไปทั่วใต้หล้า!”
“พี่น้องทั้งหลายไม่ต้องกลัว! มีพี่ใหญ่คอยปกป้อง ต่อให้ฟ้าถล่มก็ไม่สามารถทำอันใดพวกเราได้!”
คนที่พูดส่งเสริมขวัญกำลังใจไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอันธพาลที่ถูกหนิงหู่ปล่อยหมัดใส่จนล่าถอยไป
ปรากฏว่าท่าทางขี้ขลาดก่อนหน้านี้เป็นการเสแสร้ง หลอกให้ติดกับดัก
เมื่อรู้ว่าชายร่างล่ำที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาคือผู้บังคับกองพันหนิงในตำนาน กลุ่มอันธพาลก็โห่ร้องพลางพุ่งเข้าไปเต็มกำลัง
หนิงหู่ไม่ได้ล่าถอย เขาก้าวไปข้างหน้า ทุกครั้งที่ออกหมัด อันธพาลหนึ่งคนจะล้มลงกับพื้น
ชั่วพริบตา อันธพาลสี่คนก็ถูกหนิงหู่โค่นลง



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ