บทที่ 277 ลอบให้ความช่วยเหลือ
ฉินเฟิงเคยได้ยินตาเฒ่าฉินเอ่ยถึงองครักษ์ชุดดำมาก่อน
การพบเจอองครักษ์ชุดดำในอาณาประชาราษฎร์แคว้นต้าเหลียงเสมือนได้พบพระพักตร์ฝ่าบาท
มิมีผู้ใดรู้ว่าฐานทัพใหญ่ขององครักษ์ชุดดำอยู่ที่ใด และมิมีผู้ใดบอกได้ว่าองครักษ์ชุดดำมีสมาชิกกี่คน
ทว่ามีเรื่องหนึ่งที่มั่นใจได้ ผู้เป็นองครักษ์ชุดดำล้วนไม่ต่างจากยมทูต
ความเก่งกล้าสามารถอยู่เหนือทหารรักษาพระองค์ หรืออาจประมือกับองครักษ์หลวงได้
ส่วนทักษะลอบสังหารทัดเทียมนักฆ่าป้ายทองรายนามสวรรค์
อาจกล่าวได้ว่า องครักษ์ชุดดำมากมายเคยอยู่ในรายนามสวรรค์มาตั้งแต่ต้น
ก่อนฉินเฟิงจะตั้งค่ายทหารองครักษ์เทียนจีขึ้น ทั่วทั้งเมืองหลวงหรือกระทั่งทั่วทั้งต้าเหลียงมีองค์กรซึ่งมีกำลังรบสูงสุดเพียงสองแห่ง และทั้งสองแห่งเป็นแขนขาของฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงทั้งสิ้น
หนึ่งคือองครักษ์หลวง มีจำนวนอยู่เพียงหยิบมือ ทว่าวิทยายุทธล้ำเลิศ
ทุกครั้งที่เข้าหารือข้อราชการ ฉินเฟิงจักได้เห็นบรรดาองครักษ์เกราะทองยืนนิ่ง สีหน้าไร้อารมณ์ประหนึ่งรูปปั้นในท้องพระโรง นั่นคือองครักษ์หลวง จิ่งเชียนอิ่งเคยกล่าวว่า หากองครักษ์หลวงระดมกำลังจู่โจม พวกเขาสามารถล้างบางสี่ยอดฝีมือแห่งเมืองหลวงได้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อด้วยซ้ำ
และองครักษ์หลวงก็คือไพ่ตายที่ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงใช้ถ่วงดุลอำนาจเหล่า ‘ยอดฝีมือเร้นกาย’
สองคือองครักษ์ชุดดำตรงหน้า พวกเขามีหน้าที่ลอบฆ่า สอดแนม และแทรกซึมเป็นหลัก
อย่าว่าแต่อาณาประชาราษฎร์แคว้นต้าเหลียงเลย แม้แต่แคว้นโดยรอบก็ล้วนมีเงาขององครักษ์ชุดดำ
หากต้องการเพียงลงทัณฑ์หลี่หลาง การส่งเพียงคนจากศาลต้าหลี่มาก็เพียงพอแล้ว
ยามนี้เมื่อองครักษ์ชุดดำออกหน้า เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทไม่ต้องการให้หลี่หลางมีชีวิตออกจากเมืองหลวง
ฉินเฟิงมองไม่ออกว่าที่ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงอ่อนไหวกับครอบครัวหมิงอ๋อง ถึงขนาดส่งองครักษ์ชุดดำมาจัดการเรื่องที่ฉี่หลางมาเยือนเมืองหลวงโดยพลการนี้ เป็นเพราะเจ็บแค้นหรือเพราะหวาดกลัวกันแน่
แต่มีเรื่องหนึ่งที่ฉินเฟิงรู้ดี
…หลี่หลางตายมิได้
หาไม่แล้วความผิดนี้จักตกเป็นของเขาอย่างแน่แท้ และเมื่อนั้น เขากับหมิงอ๋องจักมีหนี้แค้นใหญ่หลวง ไม่อาจอยู่ใต้ผืนฟ้าเดียวกันอีกต่อไป
ฉินเฟิงกำลังจะไกล่เกลี่ย แต่ก็เห็นองครักษ์ชุดดำสองคนด้านหลังชักมีดสั้นออกจากแขนเสื้อ แทงเข้าไปด้วยสีเงิน และดึงออกมาด้วยสีแดง ปลิดชีพทหารใต้บัญชาหมิงอ๋องซึ่งนอนอยู่บนพื้นอย่างรวดเร็ว
องครักษ์ชุดดำผู้เป็นหัวหน้าจับจ้องฉินเฟิงด้วยสายตาเย็นชาไร้ความรู้สึก
ราวกับกำลังเตือนว่า ขืนกล้าเอ่ยว่า ‘ไม่’ จุดจบของเขาย่อมไม่ดีไปกว่าทหารใต้บัญชาหลี่หลาง
ท่ามกลางสายตาถมึงทึงขององครักษ์ชุดดำ
ฉินเฟิงคำรามกราดเกรี้ยวอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เขาผลักหนิงหู่ออก ดึงเก้าอี้ข้าง ๆ ขึ้นมาฟาดหลี่หลางอย่างหนักโดยไม่ยั้งแรง จนเก้าอี้ตัวนั้นแหลกละเอียดในบัดดล “เจ้าน่ะหรือหลี่หลาง! มีบรรดาศักดิ์เพียงหนาน ริอ่านมาอาละวาดในเมืองหลวง ผู้ใดมอบความกล้าเยี่ยงนี้ให้เจ้า? เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?!”
ฉินเฟิงสำแดงฝีมือการแสดงเต็มที่ เผยความ ‘เอาแต่ใจ’ ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ เขาถึงขั้นยกขาถีบหลี่หลาง “บิดาของเจ้าคือหมิงอ๋องแล้วอย่างไร บิดาของข้าคือเสนบาดีกรมกลาโหม ผู้เป็นขุนนางผู้บัญชาการศึก รู้หรือไม่ว่าข้ากับจี้อ๋องมีสัมพันธ์อย่างไรต่อกัน! บังอาจมาแหยมกับข้า ข้าจักอัดเจ้าให้ตาย!”
ฉินเฟิงทั้งเตะทั้งต่อยหลี่หลาง ระบายความแค้นอย่างบ้าคลั่ง จนองครักษ์ชุดดำรีบเข้ามาสกัด “ฉินเฟิง เจ้ามิต้องเปลืองแรง ส่งคนผู้นี้ให้พวกเราเป็นพอ!”
นายน้อยเจ้าสำราญไม่ยอมสนใจ ทำท่าราวกับหน้ามืดเพราะฤทธิ์โทสะ หาแยแสองครักษ์ชุดดำแม้สักนิด
เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ องครักษ์ชุดดำก็คร้านจะพล่ามต่อ เอื้อมมือเข้าไปหมายจะกระชากฉินเฟิงออก
ทว่าเพิ่งยกมือขึ้นยังไม่ทันแตะโดนฉินเฟิง พวกเขาก็ถูกหนิงหู่ที่อยู่อีกด้านขวางไว้
หนิงหู่ไม่สนส่วนได้ส่วนเสียที่แฝงอยู่ในเรื่องนี้ หน้าที่ของเขามีเพียงปกป้องฉินเฟิงเท่านั้น

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ