เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ นิยาย บท 29

บทที่ 29 นายน้อยดั่งทองพันชั่ง?

อิทธิพลเบื้องหลังของหอเซียนเมามายนั้นซับซ้อนมาก ไม่ต้องพูดถึงคุณชายเสเพลตัวเล็ก ๆ แม้แต่ขุนนางในราชสำนักก็ยังต้องระวัง หากประมาทเพียงเล็กน้อยอาจทำลายอาชีพหรือแม้แต่ชีวิตของพวกเขาได้

แต่ฉินเฟิงกลับขู่ว่าจะทำให้หอเซียนเมามายปิดกิจการภายในครึ่งเดือน ในมุมมองของหลิ่วหงเหยียน นี่เป็นแค่ความเพ้อฝันของคนเขลา

ในฐานะ ‘ผู้ควบคุมการเงิน’ ของตระกูลฉิน คุณหนูรองของบ้านมีสัญชาตญาณเรื่องเงินเฉียบแหลมมาก

หากฉินเฟิงสามารถขึ้นมาแทนที่หอเซียนเมามายได้จริง ๆ ฐานะของตระกูลฉินย่อมเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งระดับ

เมื่อเป่ยตี๋รุกราน ต้าเหลียงย่อมต้องใช้กำลังทรัพย์ หากในมือมีตั๋วเงินก็เทียบเท่ากับการสะสมอำนาจในราชสำนัก ดังนั้น ฉินเทียนหู่ย่อมได้รับความไว้วางพระทัยจากฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงมากขึ้น

เมื่อมองในแง่ผลประโยชน์ หลิ่วหงเหยียนจึงตัดสินใจให้โอกาสน้องชาย “ถ้าเจ้ามีความสามารถในการขึ้นมาแทนที่หอเซียนเมามายจริง ข้ารับปากว่าจะให้อะไรเจ้าอย่างหนึ่งเป็นรางวัล”

ฉินเฟิงที่ทำท่าทางขี้ขลาดในคราแรก กลายเป็นคนกระตือรือร้นขึ้นมาทันที ความกลัวที่มีต่อพี่หญิงรองในแววตาถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้น ชายหนุ่มโน้มตัวไปข้างหน้า

เมื่อเห็นเจตนาร้ายของฉินเฟิง หลิ่วหงเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสน นางรู้จักน้องชายผู้นี้ดีเกินไป ใต้หล้านี้ไม่มีสิ่งใดที่เขาไม่กล้าทำ

หากเด็กตัวเหม็นคนนี้ ขออะไรพิเรนทร์ ๆ ขึ้นมา นางจะทำอย่างไรดี?

แม้หลิ่วหงเหยียนจะระแวงแต่ก็แสร้งทำเป็นสงบนิ่ง นางเชิดหน้าขึ้นพร้อมใช้ท่าทางขู่ฉินเฟิง

น่าเสียดาย… ท่าทางแสร้งทำเป็นเย่อหยิ่งของคุณหนูรอง ในสายตานายน้อยตระกูลฉินดูน่ากลัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นางกลืนน้ำลายโดยไม่ได้ตั้งใจ

“อะไรก็ได้งั้นหรือ”

ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา หัวใจของหลิ่วหงเหยียนก็ชาไปครึ่งหนึ่ง แต่คำพูดดั่งน้ำที่สาดออกไปแล้ว คุณหนูรองตระกูลฉินทำได้เพียงแสร้งสงบนิ่ง

“ขอแค่ไม่ขัดต่อศีลธรรมและกฎหมาย เจ้าขอได้ตามใจชอบ”

ฉินเฟิงนับนิ้วไปมา เริ่มวิเคราะห์ “พี่หญิงรอง นามสกุลของท่านคือหลิ่ว ส่วนนามสกุลของข้าคือฉิน แม้ว่าเราจะเป็นพี่น้อง แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด”

“นอกจากนี้ ข้าก็ไม่เด็กแล้ว ถึงวัยควรแต่งภรรยาได้แล้ว”

“ยิ่งไปกว่านั้น… พูดจากมโนธรรมเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ รูปร่าง นิสัยใจคอ หรือแม้แต่บุคลิกภาพ ท่านคือคนโปรดของข้า…”

เมื่อได้ยินคำพูดของนายน้อยตระกูลฉิน แก้มของหลิ่วหงเหยียนก็แดงราวกับหยดเลือด

กฎหมายของต้าเหลียงหรือหลักศีลธรรมในปัจจุบัน ไม่มีข้อจำกัดใด ๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างนางและฉินเฟิง

จากมุมมองหนึ่ง ตราบใดที่ทั้งสองเต็มใจ พวกเขาสามารถเปลี่ยนสถานะจากพี่น้องเป็นสามีภรรยาได้ในชั่วพริบตา ทั้งยังเป็นเรื่องที่สามารถเปิดเผยได้อย่างบริสุทธิ์ใจ และแต่งกันออกหน้าออกตาได้ด้วย

หากเป็นในอดีต หลิ่วหงเหยียนจะเตะฉินเฟิงออกไปโดยไม่ลังเล

นี่มันคางคกอยากกินเนื้อหงส์*[1] ชัด ๆ

แต่หลังจากนายน้อยตระกูลฉินตกลงไปในน้ำ นิสัยของเขาดูเหมือนจะเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน โดยเฉพาะในแง่ของความสามารถ ต่อให้หาทั่วทั้งเมืองหลวงก็ไม่อาจพบคนเช่นนี้ได้อีก

นอกจากนี้ เจ้าหมอนี่ยังปกป้องตัวเองได้ดี แม้ว่าบุคลิกของเขาจะดูหัวรั้นหรือบ้าระห่ำไปหน่อย แต่ในความสัมพันธ์ของชายหญิง นี่อาจไม่ใช่ข้อเสีย

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หลิ่วหงเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะหายใจผิดจังหวะ

ขณะที่คุณหนูรองของตระกูลฉินกัดริมฝีปากบางและกำลังจะตัดสินใจ เสียงของฉินเฟิงก็ดังขึ้น

อาจเพราะเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ชายหนุ่มจึงหมดแรงทั้งกายและใจ คราวนี้เขาหลับสนิท จนกระทั่งสายโด่งของวันรุ่งขึ้นมาเยือนจึงถูกเสี่ยวเซียงเซียงปลุกให้ตื่นจากนิทรา

“นายน้อย ถึงเวลาลุกแล้วเจ้าค่ะ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ถ้านายท่านมาเห็นเข้าจะถูกสั่งสอนอีกนะเจ้าคะ” เสี่ยวเซียงเซียงยืนอยู่ข้างเตียงด้วยความกังวล ระหว่างหยิบเสื้อผ้าที่ฉินเฟิงโยนไปทั่วห้องก็บ่นไม่จบไม่สิ้นราวกับเป็นแม่คนที่สอง

แต่ไหนแต่ไรฉินเฟิงไม่ชอบตื่นเช้า ชายหนุ่มเอาผ้าห่มคลุมหัวไว้ลวก ๆ หลังจากนั้นก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิดกับเสียงเจื้อยแจ้ว จึงยกผ้าห่มขึ้นแล้วลากเสี่ยวเซียงเซียงเข้ามาขณะที่นางไม่ทันระวัง

เสี่ยวเซียงเซียงตกใจกลัวจนหน้าซีด อยากจะกรีดร้อง แต่ก็กังวลว่าหากมีคนเข้ามาเห็นจะพูดแก้ต่างได้ไม่ชัดเจน สาวใช้ตัวน้อยได้แต่ขอร้องนายน้อยฉินให้ยกโทษให้

เมื่อเห็นแก้มแดงระเรื่อและลมหายใจหอบถี่ พร้อมการขดตัวเป็นก้อนกลมก้มหน้างุดของเสี่ยวเซียงเซียง ฉินเฟิงก็รู้สึกขบขัน

“เจ้ากลัวอะไร นายน้อยผู้นี้จะกินเจ้าหรือ” ฉินเฟิงกอดสาวใช้แน่นด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างถูกใช้เกลี่ยปลายจมูกของนางแผ่วเบา

ปกติเขามักโดนหลิ่วหงเหยียนรังแกเสมอ นายน้อยตระกูลฉินคิดว่าคราวนี้ถึงตาเขาจะได้ยืนหยัดแล้ว ชายหนุ่มจึงไม่ยอมปล่อยคนในอ้อมแขนไปง่าย ๆ

แก้มของเสี่ยวเซียงเซียงแดงฝาดด้วยเลือด นางหายใจถี่กระชั้นราวกับสามารถขาดใจได้ทุกเมื่อ “ร่างกายนายน้อยดุจทองหมื่นตำลึง จะพลอดรักกับทาสต่ำต้อยได้อย่างไร ไม่กลัวข้าจะทำให้ฐานะของท่านต้องแปดเปื้อนหรือเจ้าคะ? หากนายท่านหรือคุณหนูมาเห็นเข้า จะคิดว่าทาสต่ำต้อยยั่วยวนนายน้อย เกรงว่าข้าจะถูกถลกเนื้อหนังเอาได้”

แม้ว่าในเมืองหลวงแห่งนี้ การ ‘เล่น’ ระหว่างนายน้อยกับสาวใช้จะเป็นกฎที่ยอมรับโดยนัยกันมานานแล้ว แต่ในที่สาธารณะ พวกเขายังคงให้ความสำคัญกับชาติตระกูลอันเหมาะสมทัดเทียม โดยเฉพาะบุตรหลานขุนนาง คนเหล่านี้ต้องแต่งงานกับสตรีในระดับเดียวกันเท่านั้น ไม่ว่าสาวใช้ตัวน้อยจะสวยน่ารักแค่ไหน มากที่สุดก็เป็นได้แค่อนุภรรยา

อนุภรรยาไม่ใช่ลูกสะใภ้ พูดตรง ๆ ก็คือสาวใช้ที่สามารถนอนห้องเดียวกันได้ แต่ไม่มีสถานะใด ๆ เลย

หากก่อนแต่งงาน โดนจับได้ว่านายน้อยมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสาวใช้ จุดจบของพวกนางส่วนใหญ่ค่อนข้างน่าเวทนา

ฉินเฟิงย่อมไม่ต้องการทำร้ายเสี่ยวเซียงเซียง อย่างไรก็ตาม นางก็น่ารักมากเสียจนเขาวางไม่ลง

[1] คางคกอยากกินเนื้อหงส์ : คนที่ไม่ประมาณตนเอง ใฝ่ฝันหาสิ่งที่ไม่มีวันได้ครอบครอง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ