บทที่ 313 พูดจาทำร้ายจิตใจ
จะว่าอย่างนั้นก็ได้ แต่อย่างไรมารยาทก็ยังต้องรักษา
ฉินเฟิงโบกมือ จากนั้นฉินเสี่ยวฝูก็เปิดกล่องไม้
เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน แม้แต่เซี่ยปี้ก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
ฉินเฟิงมองเห็นปฏิกิริยาของเซี่ยปี้ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิ “น้ำตาลทรายขาวกล่องนี้ ท่านพ่อตาใช้ไปก่อน หากในอนาคตไม่เพียงพอ แค่ส่งบ่าวรับใช้ไปแจ้งจวนสกุลฉิน ลูกเขยจะส่งคนนำมาให้ จากนี้ไปลูกเขยจะดูแลการบริโภคน้ำตาลของตระกูลเซี่ยเอง”
ขณะพูดคุย ฉินเฟิงกับฉินเสี่ยวฝูก็ยกรูปปั้นแก้วหลิวหลีขนาดใหญ่ออกจากกล่องไม้
มันเป็นคางคก แต่ฉินเฟิงยืนยันว่าคางคกที่มีส่วนของร่างกายโป่งพองนี้คือจินฉาน*[1] อะไรสักอย่าง
แต่ไม่ว่าอย่างไร ‘ทักษะศิลปะ’ ของฉินเฟิงก็น่าผิดหวังยิ่งนัก
การแกะสลักประณีตอันใด อย่าได้พูดถึงมันเลย
คางคกหลิวหลีตัวนี้หล่อจากแม่พิมพ์เหล็ก ในยุคสมัยใหม่ถือได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต่ำกว่ามาตรฐานและอาจถูกโยนทิ้งถังขยะ
ทว่าในยุคนี้ขาดแคลนหลิวหลีอย่างมาก
อีกทั้งโดยทั่วไป เครื่องแก้วมักทำมาจากลูกปัดเป็นหลัก
แม้แต่เซี่ยปี้ผู้รอบรู้ก็ไม่เคยได้ยินว่ามีรูปปั้นหลิวหลีขนาดใหญ่เท่ากับที่อยู่เบื้องหน้ามาก่อน ดวงตาของเขาจึงเต็มไปด้วยความฉงน
มุมปากของฉินเฟิงยกขึ้นเล็กน้อย หลิวหลีพวกนี้ไร้ค่าสำหรับเขา แต่ในยุคสมัยนี้ กลับเป็นของหายาก
“ข้าหวังว่าท่านพ่อตาจะยอมรับรูปปั้นจินฉานหลิวหลีนี้ไว้ขอรับ”
เซี่ยปี้ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วและเดินวนไปรอบ ๆ รูปปั้นจินฉานสองสามรอบ ก่อนจะอุทาน “รูปปั้นขนาดใหญ่เช่นนี้ส่วนใหญ่ใช้ในพิธีการ แม้แต่รูปปั้นทองสัมฤทธิ์ก็ยังหาขนาดใหญ่เท่านี้ยาก รูปปั้นหยกยิ่งหายากเข้าไปใหญ่ มีเพียงไม่กี่ชิ้นที่อยู่ในวังเท่านั้น ส่วนรูปปั้นหลิวหลี… ข้าไม่เคยได้ยินหรือเห็นมาก่อน เกรงว่าจะเป็น… สมบัติล้ำค่ากระมัง?”
อย่าว่าแต่เซี่ยปี้ แม้แต่เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ก็ยังตกใจกับรูปปั้นแก้วหลิวหลีที่อยู่เบื้องหน้า
แต่เมื่อเทียบกับความตกใจ เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์กลับภูมิใจยิ่งกว่า ท้ายที่สุดแล้วของขวัญชิ้นใหญ่นี้มอบให้ก็เนื่องจากความสัมพันธ์ของสองตระกูลที่กำลังจะ ‘ดองญาติ’ กัน
เซี่ยปี้ขมวดคิ้ว พูดด้วยเสียงทุ้ม “ใต้เท้าฉินขอให้เจ้าเตรียมของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่คือของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างนั้นหรือ แม้แต่เครื่องบรรณาการจากต่างแคว้นก็ยังเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ”
ฉินเฟิงโบกมืออย่างภาคภูมิ “นี่นับเป็นอะไรกัน? ไม่คุ้มค่าที่จะพูดถึงเลยขอรับ”
ในสายตาของเซี่ยปี้ ฉินเฟิงดูกำเริบเสิบสานจนไร้ขอบเขต กระนั้นฉินเฟิงก็ดูไม่ได้คิดมากเรื่องให้แก้วหลิวหลีกับเขาแม้แต่น้อย หากเซี่ยปี้รู้ว่าแก้วล้ำค่านี้ทำมาจากทรายและหินราคาเพียงไม่กี่อีแปะ ไม่รู้เลยว่าเขาจะคิดอย่างไร
ใต้เท้าเซี่ยตื่นตะลึงในใจ
รูปปั้นหลิวหลีที่อยู่ตรงหน้าพร้อมทั้งน้ำตาลกล่องใหญ่ เกรงว่าจะมีมูลค่าหลายแสนตำลึงเงิน
เจ้าเด็กฉินเฟิงกำลังเงินขาดมืออยู่ไม่ใช่หรือ? ไยจึงใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายเช่นนี้?
หรือว่าเห็นแก่ฐานะผู้อาวุโสของข้า เจ้าเด็กนี่จึงได้แกล้งทำเป็นหน้าใหญ่ใจโต?
หึ คนหนุ่มสาวก็คือคนหนุ่มสาวอยู่วันยังค่ำ
เซี่ยปี้อดไม่ได้ที่จะภาคภูมิใจ
ตอนนี้เอง เซี่ยปี้ก็เห็นบุตรสาวกำลังกอดอกมองฉินเฟิงด้วยท่าทางมุ่งร้าย ขณะที่ฉินเฟิงก้มหน้าก้มตา มีท่าทางวิตกกังวล
เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์เหลือบมองรูปปั้นหลิวหลีจินฉาน แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าจะจัดประมูลไม่ใช่หรือ? ของดี ๆ แบบนี้มอบให้กับพ่อข้า แล้วเจ้าจะเอาอะไรไปประมูล นอกจากนี้ค่ายเทียนจียังขาดเงิน เจ้ายังกล้าใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายอีก เป็นพวกล้างผลาญจริง ๆ”
เมื่อเผชิญกับคำกล่าวหาของเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ หากเป็นเมื่อก่อน ฉินเฟิงคงได้เถียงกลับแล้ว

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ