เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ นิยาย บท 33

บทที่ 33 อุทิศร่างกายให้ข้าสิ

ดวงตาของฉีหยางจวิ้นจู่ฉายแววเหยียดหยามมากขึ้น “คนแซ่ฉิน ข้ารู้ว่าฝ่าบาทเรียกเจ้าไปเข้าเฝ้า แต่อย่าสำคัญตัวมากเกินไปนัก! หากข้าปราถนาชีวิตเจ้า แล้วเจ้าจะทำอย่างไรได้”

ไม่มีใครสงสัยในคำพูดของฉีหยางจวิ้นจู่ ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงไม่มีทางตำหนิสมาชิกราชวงศ์เพียงเพราะจอมเสเพลคนเดียวเป็นแน่

ฉินเฟิงเข้าใจความจริงข้อนี้ดี เขาพยักหน้า ก้มศีรษะ ก่อนจะกล่าวยิ้ม ๆ “การทุบหอวิจิตรศิลป์แห่งนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่การทำให้จวิ้นจู่เสียเวลาเป็นเรื่องใหญ่ เช่นนั้น ทำไมท่านไม่ให้โอกาสเราอีกสักครั้ง ข้าสัญญาว่าจะทำให้จวิ้นจู่กลับไปอย่างพอใจในผลงาน”

ประโยคดังกล่าวตรงใจฉีหยางจวิ้นจู่

ฉีหยางจวิ้นจู่ไม่สนใจความขัดแย้งในราชสำนักระหว่างกรมกลาโหมและกรมคลัง เหตุผลหลัก ๆ ที่นางมาหอวิจิตรศิลป์วันนี้คือบทกวี การให้โอกาสพวกเขาอีกครั้งจึงไม่เสียหาย

“โอกาสสุดท้าย! หากยังทำให้จวิ้นจู่อย่างข้าพอใจไม่ได้ นับประสาอะไรกับเจ้า ต่อให้ฉินเทียนหู่ออกหน้า ก็ไม่อาจรักษาหอวิจิตรศิลป์ไว้ได้!”

“ขอบคุณจวิ้นจู่ที่เมตตา” ฉินเฟิงประสานมือขอบคุณเสียงดัง จากนั้นก็หันกลับมาส่งสายตาให้เสิ่นชิงฉือ เป็นเชิงให้ตามมา

แต่ไหนแต่ไรเสิ่นชิงฉือวางตัวสุขุมสง่างามอยู่เสมอ นางไม่ชอบพฤติกรรมอันธพาลของฉินเฟิง บัดนี้น้องชายตัวดีมาตกลงกับฉีหยางจวิ้นจู่ต่อหน้าธารกำนัล คุณหนูใหญ่เหมือนกลับไม่ได้ไปไม่ถึง ได้แต่โมโหอยู่ในใจจึงเมินเฉยต่อสายตาส่งสัญญาณของอีกฝ่าย

ฉินเฟิงรู้ว่าในบรรดาพี่หญิงทั้งสี่ มีเพียงเสิ่นชิงฉือเท่านั้นที่เกลียดเขาที่สุด เพื่อให้นางเชื่อฟังและยอมร่วมมือ ชายหนุ่มเลือกที่จะแสร้งทำเป็นลำบากใจ ก่อนจะหัวเราะเจื่อน ๆ “พี่หญิงใหญ่ ทำให้ทุกท่านขบขันแล้ว”

ขณะที่พูดนายน้อยตระกูลฉินก็ตบไหล่เสิ่นชิงฉือเบา ๆ ราวกับกำลังเกลี้ยกล่อมเด็ก เขาเอ่ยเสียงเบา “ต่อหน้าธารกำนัลจำนวนมากเช่นนี้ อย่าใจแคบนักเลย เชื่อฟังหน่อย”

“ให้ข้าเชื่อฟังเจ้ารึ!” เสิ่นชิงฉือปัดมือของฉินเฟิงออก ตั้งใจจะดุเด็กเหลือขอผู้นี้ให้ไปไกล ๆ แต่กลัวว่าอีกฝ่ายจะพูดจาไร้ยางอายออกมาอีก จึงทำได้เพียงเดินตามเขาไปอีกห้องอย่างไม่เต็มใจนัก

เสิ่นชิงฉือกอดอกเบือนหน้าแทนที่จะมองไปที่น้องชาย นางเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้ารู้ว่าเจ้าทำได้ดีในงานชุมนุมกวี ฉินเฟิง เจ้าอาจจะหลอกคนอื่นได้นะ แต่กับข้า ข้าไม่มีทางหลงกล! ข้ารู้ดีว่าเจ้าเป็นคนแบบไหน อย่าคิดว่าแค่ขโมยบทกวีมาสองสามบท แล้วจะตั้งตนเป็นกวีเอกได้”

“หึ! ถ้าหอวิจิตรศิลป์ต้องปิดตัวลง ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”

เมื่อเห็นท่าทางเย็นชาของพี่หญิงใหญ่ที่ปฏิเสธความช่วยเหลือ และเว้นระยะห่าง วางท่าราวเขากับนางอยู่ไกลกันหลายพันลี้ ฉินเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำในใจ

ตอนนี้ความผิดอะไรล้วนโยนมาให้ข้าหมด! ต่อให้ข้าไม่มาหอวิจิตรศิลป์ ทำอย่างกับท่านจะรักษามันไว้ได้ ตอนนี้ยังมาโทษกันอีก! การรักษาทรัพย์สมบัติของตระกูลเป็นงานง่าย ๆ งั้นสิ? พี่หญิงใหญ่คิดว่าข้าสบายนักหรือไง!

บ่นในใจก็คือบ่นในใจ นายน้อยตระกูลฉินย่อมไม่กล้าเอ่ยออกมา ชายหนุ่มทำหน้าทำตาประจบประแจง “บทกวีที่ท่านเขียนเมื่อครู่ ข้าอ่านมันทั้งหมดแล้ว ความจริง แม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับบทกวีของข้า แต่ไม่ว่าจะความหมายหรือการใช้ภาษา ก็ถือได้ว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยม”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสิ่นชิงฉือก็อดมองฉินเฟิงอย่างเหยียดหยามไม่ได้ “ถุ้ย! เจ้าช่างรู้จักเอาทองคำมาแปะหน้า*[1] เสียจริง! ถ้าเจ้ามีความสามารถก็แต่งบทกวีขึ้นมาสิ! ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะทำให้ฉีหยางจวิ้นจู่พอใจได้!”

“แล้วถ้าข้าทำได้เล่า?” นายน้อยตระกูลฉินเผยรอยยิ้มขี้เล่น จงใจใช้กลยุทธ์ยั่วยุ

เป็นอย่างที่คาด เสิ่นชิงฉือผู้หยิ่งยโสมาตลอดตกหลุมพรางจริง ๆ นางส่งเสียงฮึเบา ๆ ในลำคอ “ถ้าเจ้าทำได้ ข้าจะให้ทุกสิ่งที่ปราถนา! แต่ถ้าทำไม่ได้ละก็… เจ้าต้องสร้างหอวิจิตรศิลป์ชดใช้!”

“ท่านจะให้ทุกสิ่งที่ข้าปราถนารึ?” ดวงตาของฉินเฟิงพราวระยับ เขากระโดดไปมาอย่างตื่นเต้น “เช่นนั้น อุทิศร่างกายให้ข้า เป็นอย่างไร?”

ใบหน้าที่เคยเย็นชาของเสิ่นชิงฉือบัดนี้แดงเถือก นางเตะฉินเฟิงที่กระโดดโลดเต้นจนลงไปกองที่พื้น ก่อนจะเอ่ยด้วยความโกรธ “ข้ามองว่าเจ้าเป็นน้องชายมาตลอด แต่เจ้ากลับอยากเป็นสามีของข้า บัดซบ ไร้ยางอายจริง ๆ!”

ฉินเฟิงนั่งลงบนพื้น ปั้นหน้าไร้เดียงสา “ท่านไม่ได้เพิ่งพูดหรอกหรือว่าอะไรก็ได้? ข้าแค่ชอบพี่หญิงใหญ่ อยากดูแลพี่หญิงใหญ่ของข้าไปตลอดชีวิต”

บทที่ 33 อุทิศร่างกายให้ข้าสิ 1

บทที่ 33 อุทิศร่างกายให้ข้าสิ 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ