บทที่ 360 ความในใจที่พูดยาก
ฉีหยางจวิ้นจู่ไม่เชื่อว่ามีคนเพียงสี่คนแล้วจะสามารถยึดเมืองชางผิงได้ ฉินเฟิงต้องจงใจพูดเกินจริงเพื่อจะได้รับคำเยินยอเป้นแน่
“อย่าว่าแต่สี่ร้อยคนเลย ต่อให้เป็นหมูสี่ร้อยตัวก็ยังต้องเสียเวลาจับ”
“ความแตกต่างของกำลังคนระหว่างทั้งสองฝ่ายต่างกันนับร้อยเท่า ต่อให้ไม่ต่างกันขนาดนี้โอกาสชนะก็ยังมีน้อยมาก”
เมื่อเผชิญกับความสงสัยของฉีหยางจวิ้นจู่ องค์หญิงใหญ่ก็ผ่อนคลายอย่างมาก ดวงตาของนางแสดงความชื่นชมอย่างไม่มีที่สิ้นสุดต่อฉินเฟิง
“ถ้าเพียงแค่โจมตีเมือง แม้ว่าจะมีปรมาจารย์เช่นจิ่งเชียนอิ่งอยู่ก็คงเป็นแค่มดเขย่าต้นไม้เท่านั้น”
“แต่ก่อนที่ฉินเฟิงจะโจมตีเมือง เขาได้แพร่กระจายข่าวลือเพื่อเขย่าขวัญกองทหารในเมือง จากนั้นก็เข้าเมืองและสั่งให้พวกนักเลงในพื้นที่แสร้งทำเป็นทหารรค่ายเทียนจี สร้างสถานการณ์ที่ทำให้ขวัญกำลังใจของกองกำลังตระกูลหลินพังทลายลง อีกทั้งเมื่อมีจ้าวอวี้หลงเป็นแม่ทัพผู้กล้าหาญ ผลลัพธ์ก็สามารถจินตนาการได้”
“พูดให้ชัดเจนคือ ฉินเฟิงใช้กลยุทธ์ทางจิตวิทยาตั้งแต่วันแรกที่เขาไปถึงอำเภอชางผิงแล้ว”
“เด็กนั่นไม่ยอมเข้าเมืองก็เพื่อสร้างแรงกดดันทางจิตใจต่อหลิวหลิง นายอำเภอชางผิง ท้ายที่สุดการหักหลังตระกูลหลินของหลิวหลิงก็กลายเป็นโอกาสในการโจมตีเมือง”
ฉีหยางจวิ้นจู่อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าฉินเฟิงจะใช้กลยุทธ์ได้อย่างชำนาญเพียงนี้
ด้วยกำลังคนเพียงสี่คนก็เข้ายึดเมืองได้ ทั้งยังตัดหัวกองกำลังที่ซุ่มโจมตีทั้งหมดสี่ร้อยคนในเมืองนั้นต่อหน้าธารกำนัล
ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้ แม้แต่แม่ทัพบางคนในราชสำนักก็ไม่อาจทำได้ นี่เพียงพอแล้วที่ฉินเฟิงจะได้ทิ้งชื่อของเขาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์
แต่หลังจากครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ ฉีหยางจวิ้นจู่ก็รู้สึกโล่งใจ
อย่างไรเสียครานั้น ฉินเฟิงก็ได้นำทหารค่ายเทียนจีเดินทางพันลี้ไปเป่ยซี เอาชนะทหารเป่ยตี๋โดยลำพังและสังหารจงหลิง
ทั้งเขายังเคยเข้าร่วมพิธีชำระอาภรณ์ด้วย เขาหาใช่คนประเภทที่คนรับใช้ของตระกูลหลินจะสามารถรับมือได้ง่าย ๆ
ช่วงขณะนี้เอง องค์หญิงใหญ่หรี่ตาลง สายตามีแสงเปล่งประกาย
ในที่สุดช่วงเวลาที่นางรอคอยก็มาถึง
“คนสนิทของตระกูลหลินและคนรับใช้สี่ร้อยคนถูกฉินเฟิงสังหาร”
“ปมเลือดแค้นระหว่างตระกูลฉินกับตระกูลหลินผูกขึ้นแล้ว ต่อไปคือฉากสุนัขกัดสุนัข หากฉินเฟิงสามารถชนะได้จะเป็นการกำจัดหายนะให้ต้าเหลียงของเราอย่างแน่นอน! แต่หากฉินเฟิงพ่าย อย่างน้อยก็ยังเพียงพอจะทำให้อำนาจของตระกูลหลินอ่อนแอลง… ฮ่องเต้เลี้ยงสุนัขบ้าอย่างฉินเฟิงก็เพื่อจัดการกับชนชั้นสูงในพื้นที่ต่าง ๆ ของต้าเหลียง”
“โซ่ถูกปลดแล้ว สุนัขคลั่งถูกปล่อยออกกรง รอดูไปเถิด เจียงหนานในวันต่อไปจะน่าตื่นเต้นและน่าสนใจหาใดเปรียบ”
…
ยามนี้บรรยากาศในศาลาว่าการชางผิงค่อนข้างจะเงียบงัน
หลิวหลิงนั่งอยู่บนเก้าอี้นายอำเภอ ในขณะที่ฉินเฟิงนั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งซึ่งเดิมทีที่นั่งนั้นเป็นของรองนายอำเภอ และด้านล่างฉินเฟิงก็เป็นขุนนางตรวจการที่มาจากที่ว่าการมณฑล



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ