บทที่ 468 หมอดีหรือหมอเถื่อน
กลางดึก แม่ทัพกองทหารชายแดนถูกส่งตัวไปที่อำเภอเป่ยซีอย่างเร่งรีบ
แม่ทัพกองทหารชายแดนอายุมากแล้ว ไม่ว่าร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่สามารถแข็งแรงเท่าชายหนุ่มได้ ในเวลานี้แม่ทัพกองทหารชายแดนประเดี๋ยวมีสติประเดี๋ยวหมดสติ อีกทั้งยังมีไข้สูงร่วมด้วย
เขาถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลอำเภอเป่ยซีพร้อมกับฉินเฟิง
แม้จะเรียกกันว่าโรงพยาบาล แต่จริง ๆ แล้วเป็นโรงหมอ มีท่านหมอสี่คนและลูกศิษย์สิบคน
หน้าที่ของลูกศิษย์คือเป็นพยาบาล เดิมทีฉินเฟิงวางแผนจะรับสมัครพยาบาลหญิง แต่เมื่อพิจารณาถึงความแตกต่างระหว่างชายหญิงในยุคนี้ สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้
แม่ทัพกองทหารชายแดนถูกวางลงบนเตียง ครั้นฉีกผ้าพันแผลชุ่มเลือดออก ก็เห็นว่าบาดแผลเป็นสีดำสนิท มีเศษสมุนไพรตกค้างผสมกับเนื้อที่เริ่มเน่า บาดแผลถูกปิดจนอุดตัน
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ หัวหน้าซุนก็ขมวดคิ้วแน่น “ไม่ง่าย ไม่ง่ายเลย ไม่ง่ายเลยจริง ๆ”
ซุนเฮ่อพึมพำสามครั้งติดต่อกันว่าเป็นเรื่องยากที่จะรักษา แสดงให้เห็นถึงความร้ายแรงของอาการบาดเจ็บของแม่ทัพกองทหารชายแดน หลังจากปรึกษากับแพทย์อีกสามคน ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปว่าเพื่อจะรักษาแม่ทัพกองทหารชายแดน นอกจากทานสมุนไพรห้ามเลือด ขจัดภาวะเลือดข้น ขับสารพิษและดับความร้อน ก็ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว
พูดตรง ๆ ก็คือต้องอดทนเอา
“เด็ก ๆ มานี่ รีบเปลี่ยนสมุนไพรและผ้าพันแผลให้ท่านแม่ทัพเร็วเข้า!”
ฉินเฟิงซึ่งยืนอยู่ใกล้ ๆ มองเห็นกระบวนการทั้งหมดจึงร้องห้ามทันที “หัวหน้าซุน หากเจ้าพอกสมุนไพรอีก ท่านแม่ทัพจะต้องตายอย่างแน่นอน”
ถ้าคำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากของคนอื่น หัวหน้าซุนคงจะผรุสวาทเสียงดังไปแล้ว
เขาเป็นหมอมากว่าสามสิบปี ก่อนที่จะมาที่อำเภอเป่ยซี เขาเป็นหนึ่งในหมอชั้นนำในพื้นที่ หากไม่ได้ได้ข่าวว่าอำเภอเป่ยซีปฏิบัติต่อประชาชนอย่างดี เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงขจรทั่วชายแดนเหนือ เขาคงจะไปเปิดโรงหมอที่เมืองหลวงแล้ว
ซุนเฮ่อโค้งคำนับฉินเฟิงอย่างอดทน ก่อนจะตอบ “ฉินเชียนฮู่ บาดแผลของท่านแม่ทัพยังคงมีเลือดไหล หากไม่อาจหยุดเลือดได้ทันเวลา อาการบาดเจ็บมีแต่จะแย่ลง หากท่านต้องการช่วยแม่ทัพกองทหารชายแดนจริง ๆ ท่านต้องฟังข้า”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินเฟิงก็ถามอย่างจริงจัง “หัวหน้าซุนรักษาคนมาทั้งชีวิต เคยรักษาบาดแผลจากธนูกี่มากน้อย?”
ซุ่นเฮ่อไม่ได้คิดอะไรมากจึงโพล่งออกมาทันที “ก่อนจะมาที่เป่ยซี ข้าแทบไม่เคยรักษาบาดแผลจากธนูเลย หลังจากมาที่เมืองเป่ยซี ข้ารักษาคนมากกว่าสามร้อยคน”
ฉินเฟิงพยักหน้าและถามทันที “จากสามร้อยคนนี้ มีคนรอดชีวิตกี่คน?”
ทันทีที่สิ้นประโยค ใบหน้าของซุนเฮ่อก็บิดเบี้ยวน่าเกลียดอย่างยิ่ง
เห็นได้ชัดว่าฉินเฟิงผู้นี้กำลังหาเรื่อง!
เขากล้าถามคำถามเช่นนี้ต่อหน้าหมอได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้น บัดนี้ประตูโรงหมอเต็มไปด้วยผู้คน ด้วยผู้คนทั่วทั้งถนนรู้ว่าฉินเฟิงกำลังมา พวกเขาต่างก็รีบมารุมล้อม การฉีกหน้าซุนเฮ่ออย่างเปิดเผยต่อสาธารณะ ไม่เท่ากับการทำลายชื่อเสียงของซุนเฮ่อหรือ?
มีข่าวลือว่าฉินเฟิงมีน้ำใจต่อผู้อื่น โดยเฉพาะกับผู้ใต้บังคับบัญชาก็จะยิ่งมีน้ำใจมาก
แต่เมื่อได้พบอีกฝ่ายในวันนี้ ซุนเฮ่อผิดหวังอย่างยิ่ง
ซุนเฮ่อตอบอย่างไม่พอใจด้วยสีหน้าเย็นชา “ตอบฉินเชียนฮู่ ผู้บาดเจ็บสามร้อยคน รอดชีวิตสิบสองคน”
มีเพียงสิบสองคนเท่านั้นที่รอดชีวิต ฉินเฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทุกข์ใจ ท้ายที่สุดแล้วคนเหล่านี้ก็ล้วนเป็นลูกผู้ชายแห่งเป่ยซี!
เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตจากการบาดเจ็บจากธนูและเปลี่ยนความคิดเชิงอนุรักษ์นิยมของพวกหมอ ฉินเฟิงจึงไร้ความปรานี เขาเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “หมายความว่า อัตราการรอดชีวิตน้อยกว่าหนึ่งส่วนเสียอีก”
ซุนเฮ่ออารมณ์ร้อนกว่าเดิม ไม่สนใจการห้ามปรามของหมอและลูกศิษย์ที่อยู่รอบ ๆ ตะโกนใส่ฉินเฟิงด้วยความโกรธ “ฉินเชียนฮู่! เจ้าเป็นนายน้อยแห่งอำเภอเป่ยซีก็จริง ด้านกลยุทธ์ทางทหารของเจ้าไม่มีใครเทียบได้จนเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะ แต่ในด้านการแพทย์ เจ้าก็เป็นแค่คนนอกที่ไม่เข้าใจอะไรเลย”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ