บทที่ 467 โรงพยาบาล
ความสำคัญของอำเภอเป่ยซี สำหรับฉินเฟิงแล้วไม่จำเป็นต้องสงสัย
พูดตรง ๆ ก็คือ ฉินเฟิงสามารถอยู่รอดได้นานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับว่าอำเภอเป่ยซีแข็งแกร่งหรือไม่ ในจุดนี้ ไม่ใช่แค่การเผชิญหน้ากับเป่ยตี๋เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการป้องกันราชสกุลหลี่ด้วย เมื่อสงครามแคว้นสิ้นสุดลง ไม่ว่าผลจะชนะหรือแพ้ ราชสกุลหลี่จะต้องพุ่งเป้ามาที่ฉินเฟิงแน่ แต่ตราบใดที่อำเภอเป่ยซีแข็งแกร่งเพียงพอ ราชสกุลหลี่จะขว้างหนูก็กลัวกระทบของมีค่า*[1]
เป้าหมายของฉินเฟิงชัดเจนมาก นั่นก็คือการสร้างอำเภอเป่ยซีให้เป็นป้อมปราการไร้พ่าย เหมือนกับมีดที่ปักบนชายแดนระหว่างต้าเหลียงและเป่ยตี๋ ไม่ให้ทั้งสองฝ่ายเกิดความคิดร้ายใดต่ออำเภอเป่ยซี
ฉินเฟิงตบไหล่สวีโม่พลางถอนหายใจ “พี่สวี เจ้ากับข้ามาเปิดอกคุยกันเถิด ตั้งแต่มาอำเภอเป่ยซี เจ้าก็รู้สึกหวาดหวั่นทั้งวันทั้งคืนใช่หรือไม่ ด้วยเกรงว่าวันใดจะเกิดเคราะห์ร้ายกับบิดามารดา รวมถึงญาติสนิทมิตรสหายของเจ้า?”
คำถามที่เอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหันนี้ทำให้สวีโม่รับมือไม่ถูกอยู่บ้าง
แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงความจริงใจในสายตาของฉินเฟิง แม้สวีโม่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ยอมพยักหน้ารับ “ไม่ผิด!”
“แม้จะสามารถสร้างผลงานในอำเภอเป่ยซีได้ แต่ในราชสำนักก็มีตัวอย่างมากมายที่วิหคสิ้นเกาทัณฑ์ซ่อน มีบรรดาผู้ที่ฮ่องเต้ไม่สามารถเรียกใช้ได้อีก ถึงพวกเขาจะสร้างผลงานมากมายแค่ไหน จุดจบก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก”
ฉินเฟิงยกมุมปากขึ้น แววตาลึกล้ำ “แล้วไฉนจนถึงตอนนี้ฮ่องเต้ถึงไม่แตะต้องใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับอำเภอเป่ยซีของเราเล่า? เมื่อเทียบกับเจ้าแล้ว คนที่กังวลมากที่สุดน่าจะเป็นจ้าวอวี้หลง ในฐานะนายน้อยแห่งกองทัพมังกรซ่อนพยัคฆ์ เขากลับผูกมิตรกับข้า ฮ่องเต้จะทนเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สวีโม่ก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นดวงตาของเขาก็สว่างวาบ
“พี่ฉิน เจ้าหมายความว่าฮ่องเต้กลัวอำเภอเป่ยซีหรือ?”
ฉินเฟิงหัวเราะเบา ๆ และตอบรับ “ถูกต้อง!”
“หากเป่ยซีล่มสลาย ตระกูลฉินของข้าจะถูกกำจัด หากตระกูลฉินของข้าล้มลง ทุกคนที่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลฉิน ไม่ว่าใครก็ไม่อาจรอดพ้น ย่อมประสบเคราะห์ไปด้วย ข้าทำงานให้ฮ่องเต้มานานขนาดนี้ ข้ารู้จักความเด็ดขาดของพระองค์ดี แต่อีกนัยหนึ่ง ตราบใดที่เป่ยซีแข็งแกร่ง ตระกูลฉินของข้าและตระกูลอื่น ๆ ทั้งหมดก็จะปลอดภัย”
“ฮ่องเต้ปราดเปรื่องยิ่งนัก พระองค์จะไม่ยอมเสี่ยงทำให้คนในอำเภอเป่ยซีโกรธแค้นและลงมือทำร้ายคนในตระกูลของพวกเจ้า”
คำพูดของฉินเฟิงราวกับปลุกคนในห้วงฝันให้ตื่นขึ้น
ก้อนหินก้อนใหญ่ที่ทับอยู่ในใจของสวีโม่ ในที่สุดก็ถูกยกออกได้แล้ว
ชั่วขณะนี้สวีโม่เข้าใจแล้วว่า ทำไมฉินเฟิงจึงพยายามอย่างสุดความสามารถในการสร้างอำเภอเป่ยซีให้ยิ่งใหญ่ การปฏิบัติต่อคนทั่วไปและทหารอย่างดีนั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อเอาชนะใจคน ขจัดความเป็นไปได้ที่อาจเกิด ‘ภัยภายใน’ ตราบใดที่อำเภอเป่ยซีเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ว่าศัตรูจะแข็งแกร่งแค่ไหน หากคิดจะโจมตีเป่ยซีจากภายนอกก็ไม่ต่างจากความฝัน!
จู่ ๆ สวีโม่ก็ตั้งสติได้และแอบตัดสินใจ หากมีชีวิตเขาจะเป็นคนของอำเภอเป่ยซี หากตายก็จะเป็นผีของอำเภอเป่ยซีเช่นกัน
หลังจากค่ำคืนแห่งการเฉลิมฉลองผ่านไป อำเภอเป่ยซีเงียบสงบในเวลาเกือบจะรุ่งสาง
ครั้นผู้คนในอำเภอเป่ยซีตื่นขึ้นมาแล้วรับรู้เกี่ยวกับ ‘คำสั่งสวัสดิการพิเศษ’ ต่าง ๆ ที่ฉินเฟิงประกาศ พวกเขาก็ตื่นเต้นอีกครั้ง เหตุการณ์อันแสนสุขเหล่านี้เกิดขึ้นติด ๆ กัน ร่องรอยความเศร้าโศกและหมอกควันในสายตาของผู้คนถูกชะล้าง แววตาพวกเขาสว่างสดใสกว่าที่เคยเป็นมา และดวงตาอันสดใสเหล่านั้นก็ล้วนคาดหวังต่อชีวิตในอนาคต
ยิ่งไปกว่านั้น ยามนี้ทุกคนล้วนเข้าใจ
สวัสดิการสูงหมายถึงการลงแรงมาก ค่ายเทียนจีไม่ใช่ค่ายของตระกูลฉินอีกต่อไป แต่เป็นค่ายเทียนจีของอำเภอเป่ยซี
ครั้นตกเย็น ขณะที่ทั่วทั้งอำเภอเป่ยซีเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุข ทหารส่งสารนายหนึ่งก็พุ่งทะยานเข้าไปในประตูของอำเภอเป่ยซี ตรงไปที่ยังศาลาว่าการอำเภอ



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ