บทที่ 470 ผงป๋ายเย่าเป่ยซี
ในเวลานี้บริเวณรอบโรงพยาบาลเต็มไปด้วยผู้คน
หลังจากรู้ว่าฉินเฟิงกำลังจะวินิจฉัยและรักษาแม่ทัพกองทหารชายแดนด้วยตัวเอง อย่าว่าแต่คนทั่วไปเลย แม้แต่หลี่จาง หมิงอ๋อง และคุณหนูทั้งสี่ของตระกูลฉิน ก็พากันยกขบวนมาดูเรื่องสนุก
ลูกศิษย์วางถังน้ำเกลือไว้ข้างหน้าฉินเฟิงพร้อมกับยื่นกล่องเล็ก ๆ กล่องหนึ่งให้นายน้อยหนุ่ม
“ฉินเชียนฮู่ หลู่หมิงกล่าวว่าท่านอาจต้องการของเหล่านี้”
ฉินเฟิงเปิดกล่องไม้ดูแล้วเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา หลู่หมิงผู้นี้ทำงานได้คุ้มค่าจ้างจริง ๆ! ก่อนหน้านี้ฉินเฟิงส่งรายการสิ่งของไปให้ อีกฝ่ายก็ทำออกมาได้หลายอย่าง ตอนนี้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้พอดี
ฉินเฟิงหยิบท่อไม้ไผ่เล็ก ๆ ออกมา มีแท่งไม้อยู่ที่ด้านหนึ่งของท่อไม้ไผ่และมีท่อเหล็กเรียวฝังอยู่อีกฝั่ง นี่คือเข็มฉีดยาแบบเรียบง่าย
เท่าที่ฉินเฟิงรู้ กระบอกฉีดยาที่เก่าแก่ที่สุดถูกคิดค้นโดย ‘จางจ้งจิ่ง’ มีบันทึกไว้ใน ‘ตำราซางหานลุ่น’ ว่ามีการใช้ท่อไม้ไผ่ฉีดน้ำดีหมูเข้าไปในทวารหนักของผู้ป่วยเพื่อรักษาไข้
เมื่อเห็นเข็มฉีดยาในมือของฉินเฟิง อย่าว่าแต่ชาวบ้านที่สับสนเลย ซุนเฮ่อและแพทย์คนอื่น ๆ ก็ขมวดคิ้วเช่นกัน
นายน้อยเจ้าสำราญไม่ได้อธิบาย เขาใช้น้ำเกลือล้างรอบบาดแผลของแม่ทัพกองทหารชายแดน หลังจากล้างรอบแผลแล้วก็ใช้เข็มดูดน้ำเกลือ ก่อนจะสอดเข็มเข้าไปในแผลเพื่อชำละล้างสิ่งสกปรก ทว่าเนื่องจากโรงฝีมือของค่ายเทียนจียังมีศักยภาพจำกัด ปลายเข็มอาศัยการทำด้วยมือ ทุกชิ้นจึงใช้เวลานานและใช้แรงงานมาก เข็มที่ดีที่สุดเล็กเท่า ‘ก้านข้าวฟาง’ เท่านั้น
ครั้นเข็มแทงทะลุบาดแผล แม่ทัพกองทหารชายแดนที่หมดสติก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นเพราะความเจ็บปวด ทันใดนั้น เสียงร้องครวญครางก็ดังก้องไปทั่วโรงพยาบาล
เมื่อแม่ทัพกองทหารชายแดนตื่นขึ้นก็มาออกแรงดิ้นรนอย่างหนัก แม้จะไม่มีกำลังเหลือแต่ก็ทำให้แผลปริได้
ฉินเฟิงให้ลูกศิษย์ในโรงพยาบาลกดร่างแม่ทัพกองทหารชายแดนเอาไว้ ไม่สนใจเสียงครวญครางที่ฟังไม่ได้ศัพท์ของอีกฝ่าย
เนื่องจากถูกส่งตัวมาช้า บาดแผลจึงมีสิ่งสกปรกสะสมอยู่ไม่น้อย ทั้งยังเกาะติดกับผนังด้านใน วิธีการล้างแผลที่เกือบจะเป็น ‘การใช้ความรุนแรง’ ของฉินเฟิงจึงทำให้แม่ทัพกองทหารชายแดนเจ็บปวดแสนสาหัส
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ แม่ทัพที่ตามมาก็คว้าไหล่ฉินเฟิง แล้วตะโกนด้วยความโกรธ “ฉินเฟิง! เจ้าจะทำกระไรกันแน่? ท่านแม่ทัพเจ็บปวดขนาดนี้ เจ้าไม่เห็นหรือ?!”
ฉินเฟิงไม่ตอบ ทั้งยังถามกลับ “แม่ทัพเฒ่าใช้ชีวิตอยู่ในกองทัพ ความลำบากแบบไหนเล่าไม่เคยได้ประสบ ความเจ็บปวดเล็กน้อยเพียงนี้นับเป็นอันใด”
ดวงตาของแม่ทัพผู้ติดตามเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ แม้อาการบาดเจ็บของแม่ทัพกองทหารชายแดนจะทำได้แค่พึ่งพาอำเภอเป่ยซี แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะกัดฟันเมื่อเห็นฉินเฟิงกระทำการ ‘มั่วซั่ว’ เช่นนี้
แม่ทัพผู้ติดตามคำรามด้วยเสียงต่ำทันที “ถ้าแม่ทัพเฒ่าหายก็แล้วไป แต่ถ้าท่านแม่ทัพเป็นอันใดขึ้นมา กองทัพชายแดนของเราจะไม่มีทางเลิกราง่าย ๆ!”
ฉินเฟิงไม่ตอบ เพียงเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปรอบ ๆ จนพบว่าหลี่หลางยืนมุงดูอยู่ในฝูงชน จึงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “หลี่หลาง เตะแม่ทัพคนนี้ออกไป! จากนี้ไปใครกล้าแทรกแซงการรักษาของข้า ลงโทษสถานหนัก!”
ทันใด หลี่หลางโอบแขนรอบคอของแม่ทัพคนนั้นอย่างไม่ลังเล แล้วลากอีกฝ่ายออกไปจากโรงพยาบาล
เสิ่นชิงฉืออยู่ด้านข้าง นางทนไม่ไหวอีกต่อไป เอ่ยถามเสียงเบาว่า “เฟิงเอ๋อร์ เจ้าทำได้แน่นะ แม่ทัพกองทหารชายแดนมีตำแหน่งสูง หากเขามีอันเป็นไป เราไม่สามารถแบกรับผลที่ตามมาได้แน่”
คำถามนี้เป็นคำถามที่อยู่ในใจของพี่หญิงอีกสามคนเช่นกัน



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ