บทที่ 511 สวี่เชียนคุมทัพ
สวี่เชียนไม่ให้โอกาสเฉินผิงโต้เถียง เขาไม่เสแสร้งแกล้งทำเป็นมีเหตุผลเหมือนก่อนหน้านี้แต่ยืดอกเชิดหน้าและประกาศเสียงดังต่อหน้าทุกคน “เฉินผิงฝ่าฝืนคำสั่งทางทหารซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ให้ความสำคัญของกองทัพศัตรูถือได้ว่าเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรง!”
“เห็นแก่ที่เขาเป็นผู้นำกองพลพญาอินทรี ประสบความสำเร็จหลายครั้ง ละเว้นโทษประหารได้แต่ไม่อาจหลุดพ้นจากโทษอื่น ๆ จึงให้ลดตำแหน่งเป็นขุนพลหยาเจี้ยงชั่วคราว ทำความดีชดใช้ความผิด!”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ สวี่เชียนลำพองใจอย่างมาก “เฉินผิง ข้าคิดว่าเจ้ามีความสามารถทางการทหารที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! หากต่อไปเจ้าประพฤติตัวดี ข้าย่อมชื่นชมเจ้าเป็นธรรมดา แต่ถ้าเจ้ากล้าฝ่าฝืนคำสั่งอีก ข้าจะไม่ละเว้น!”
สวี่เชียนกังวลเกี่ยวกับกองพลพญาอินทรีของเฉินผิงจึงไม่กล้าทำอะไรเกินเลย มิเช่นนั้น เขาคงใช้โอกาสนี้ฆ่าเฉินผิงไปแล้ว
เฉินผิงหลับตาลง สูดหายใจเข้าลึก
เขาคาดการณ์ถึงผลลัพธ์นี้เอาไว้แล้ว เพราะอย่างไรเสียทหารแนวหน้าทุกคนก็ไม่ได้เชื่อฟังแม่ทัพอย่างเฉินซือ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความล้มเหลวในการโจมตีกองทหารชายแดนของต้าเหลียงทำให้ศักดิ์ศรีของแม่ทัพเฉินซือลดลง นอกจากนี้ เบื้องบนที่ทำหน้าที่รับผิดชอบในการปราบศัตรูยังเป็นสหายเก่าแก่กับอาจารย์ของสวี่เชียน เขาย่อมช่วยสวี่เชียนต่อกรกับเฉินผิงเป็นธรรมดา
นอกจากนี้…
นับตั้งแต่ทหารค่ายเทียนจีถูกสกัดกั้นกลับไปหลบบนภูเขาชิงอวี้เวลาก็ได้ล่วงเลยไปถึงสิบวันแล้ว อย่าว่าแต่ทำลายล้างกองกำลังศัตรูเลย พวกเขาไม่ได้เห็นแม้กระทั่งกองกำลังของศัตรูด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น
ตอนนี้เฉินผิงจึงทำได้แค่อดทน
…
ในเวลาเดียวกัน ด่านซานเตี๋ย ชายแดนเหนือของต้าเหลียง ค่ายใหญ่ของกองทัพกลางเป่ยตี๋
มีรายงานทางทหารจำนวนมากกองพะเนินอยู่เบื้องหน้าเฉินซือ แม้แต่เฉินซือซึ่งเป็นที่รู้จักในนามเทพสงครามของกองทัพเป่ยตี๋ ในตอนนี้ยังรู้สึกไร้พลังและยุ่งจนไม่อาจขยับตัว
ตั้งแต่กองทัพเข้ามาในอาณาเขตศัตรู การสู้รบก็ยังไม่หยุดลงแม้แต่ขณะเดียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงห้าถึงหกวันที่ผ่านมา การต่อสู้รุนแรงขึ้นมาก จำนวนผู้เสียชีวิตในช่วงนี้มีมากกว่าแปดพันนาย!
กองกำลังของอำเภอเป่ยซีดูเหมือนจะบ้าคลั่ง โจมตีแนวหน้าของเฉินซืออย่างต่อเนื่อง กองกำลังที่แข็งแกร่งทั้งสามอย่างกองพลพญาอินทรี กองพลหมาป่าเหมันต์ และกองพลเสือดาวลายเมฆาที่ควรจะเข้าโจมตีแม่ทัพทหารม้าและแม่ทัพรถม้าศึกทั้งสองกองทัพจำเป็นต้องถูกย้ายไปที่แนวรบด้านตะวันออกเพื่อรับมือกับการโจมตีจากอำเภอเป่ยซี อำเภอเป่ยซีจึงถูกบีบบังคับจากฝ่ายรุกไปเป็นฝ่ายต้านรับ
เมื่อสูญเสียการสนับสนุนของกองกำลังอันทรงพลังทั้งสามและเผชิญหน้ากับแม่ทัพทหารม้า สถานการณ์ของแนวรบด้านตะวันตกก็ดูอ่อนกำลังลงไม่น้อย ตอนนี้พวกเขาทำได้แค่ฝืนทนไว้เท่านั้น
แนวป้องกันที่สำคัญที่สุดของแม่ทัพรถม้าศึกยิ่งโจมตีนานยิ่งไม่อาจทำลายลงได้!
เฉินซือลองเสี่ยงนำกลุ่มทหารปลอมตัวเข้าไปใกล้แนวป้องกันของแม่ทัพรถม้าศึกเพื่อลาดตระเวนดูเป็นการส่วนตัว แต่ผลลัพธ์มีเพียงความน่าหวาดหวั่นเท่านั้น
ป้อมปราการที่สร้างขึ้นนอกอำเภอหย่งโซ่วทำให้เฉินซือหนังศีรษะชาหนึบ
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนกัน? ทั่วทั้งอำเภอหย่งโซ่วถึงได้ถูกล้อมรอบด้วยคูน้ำ ทางทิศเหนือมีเสารั้วกั้นทั้งยังมีม้าศึกเรียงรายเป็นแถว
นอกเหนือจากรั้วกั้นม้าศึกแล้วยังมีหลุมบ่อนับไม่ถ้วนกระจายอยู่หนาแน่น
หลุมที่ขุดอย่างง่ายดายเหล่านี้สามารถขัดขวางขบวนทัพของทหารม้าหรือแม้แต่ทหารราบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือมีรั้วไม้เรียงกันเป็นแถวอยู่ใต้กำแพงเมือง รั้วสูงไม่ถึงสี่ฉื่อ บนรั้วไม้มีหลุมยิงธนู เว้นระยะห่างทุกหกฉื่อใช้เพื่อการซุ่มยิงธนูโดยเฉพาะ
เฉินซือเข้าใจเจตนาเชิงกลยุทธ์ของฉินเฟิงในทันที นั่นก็คือการเตรียมตัวและโจมตีจากสามทิศทาง พยายามโจมตีกองทัพของเฉินซือให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ขณะเดียวกันก็เสริมแนวป้องกันของแม่ทัพรถม้าศึกไปด้วย
หากการโจมตีล้มเหลวก็ล่าถอยไปป้องกันสามแนวรบ ละทิ้งสงครามขนาดใหญ่ ใช้ยุทธวิธีแบ่งกำลังพลและโจมตีอย่างกองโจร


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ