บทที่ 553 เล่นใหญ่
หลังจากทักทายกันสั้น ๆ องค์ชายเจ็ดก็พาฉินเฟิงจากไป
องค์ชายรองได้แต่เฝ้ามองดูฉินเฟิงหลุดจากมือไปอย่างไม่มีทางเลือก
พลาดนิดเดียว ผิดเพี้ยนไปไกลลิบ
แขกชุดขาวกระชับดาบแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“องค์ชาย ฉินเฟิงผู้นี้ไม่สามารถเก็บเอาไว้ได้ ขอเพียงพระองค์พยักหน้า ข้าจะตามไปสังหารฉินเฟิงกลางทาง ความผิดใด ๆ ข้าจะรับไว้เอง”
สตรีกู่ฉินข้าง ๆ มองแผ่นหลังฉินเฟิงที่ไกลออกไปพลางกำมือแน่น “หากองค์ชายเจ็ดได้การสนับสนุนจากฉินเฟิงก็เท่ากับมีกองทัพชายแดนเหนือ กรมกลาโหม และพรรคเถาหลินสนับสนุน”
“เช่นนี้ก็ยืนอยู่บนจุดที่ไม่แพ้ผู้ใดแล้ว”
“ดังแขกชุดขาวว่า สู้เราจัดการฉินเฟิงเสียตอนนี้ ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมไม่ดีหรือเพคะ”
“ไม่ว่าจะเกิดผลลัพธ์เช่นไร เมื่อเทียบกับบัลลังก์แล้วก็นับว่าคุ้มค่า”
สายตาขององค์ชายรองเย็นชาถึงขีดสุด ไม่ได้สนใจคำแนะนำของแขกชุดขาวหรือสตรีผู้ดีดกู่ฉินแม้แต่น้อย
เขาแค่จ้องมองทิศทางที่ฉินเฟิงจากไปอยู่อย่างนั้น
ผ่านไปครู่ใหญ่จึงได้ถอนหายใจออกมา
“ไร้ประโยชน์ หากฉินเฟิงถูกลอบทำร้าย ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดลงมือ องค์ชายเจ็ดย่อมโยนความผิดทั้งหมดมาให้ข้า… ความผิดฐานฆ่าผู้มีคุณูปการต่อแผ่นดิน ต่อให้ใช้ทั้งแคว้นก็แบกรับไว้ไม่ไหว”
แขกชุดขาวขมวดคิ้วแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร
เมื่อครั้งอดีต แขกชุดขาวถูกศัตรูตามล่า หากไม่ได้องค์ชายรองยื่นมือเข้าช่วยเหลือ เขาก็คงตายไปนานแล้ว
ชีวิตเขาจึงเป็นขององค์ชายรอง!
ผู้ใดกล้าคุกคามองค์ชายรอง ผู้นั้นล้วนเป็นศัตรูของเขา
“องค์ชาย พระองค์สิ้นหวังแล้วหรือ?”
“พระองค์ฟันฝ่าเพื่อบัลลังก์มาตลอด คนเช่นฉินเฟิงจะหยุดยั้งความปรารถนาขององค์ชายได้อย่างไร?”
“ผู้อื่นเกรงกลัวฉินเฟิง แต่ข้าไม่กลัว”
“ตราบใดสามารถช่วยให้องค์ชายได้ขึ้นนั่งบัลลังก์ การสละชีวิตก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ”
ถ้อยคำของแขกชุดขาวทำให้องค์ชายรองซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง
อย่างน้อยคนรอบกายเขาก็ยังมีความจงรักภักดี
องค์ชายรองสูดลมหายใจเข้าลึก หยิบจอกสุราขึ้นดื่มรวดเดียวหมด สายตาแปรเปลี่ยนเป็นความเด็ดเดี่ยวราวเหล็กกล้า
“สิ้นหวังรึ?! คนอย่างข้าไม่เคยมีคำว่าสิ้นหวังอยู่ในชีวิต!”
“รอก่อนเถิด ข้ามีหนทางมากมายที่จะเอาชนะฉินเฟิง!”
เมื่อได้ยินดังนี้ แขกชุดขาวกับสตรีดีดกู่ฉินก็สบตากัน สายตาของพวกเขาลุกวาวด้วยความมุ่งมั่น
สมกับที่เป็นองค์ชายรอง!
แม้เผชิญกับวิกฤติก็ยังกล้าหาญคิดพลิกสถานการณ์
หญิงงามประดับตนเพื่อชายที่รัก บุรุษทุ่มกายถวายชีวิตเพื่อผู้เห็นคุณค่า
พวกเขาทั้งสองต่างสาบานด้วยความจริงใจ เพื่อให้องค์ชายรองได้ขึ้นครองบัลลังก์ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตพวกเขาก็ยินดี
ขณะเดียวกัน องค์ชายเจ็ดก็มาส่งฉินเฟิงถึงประตูพระราชวัง
ถึงตลอดทางเสี่ยวจั๋วจื่อจะคอยส่งสายตาให้กับองค์ชายเจ็ดอยู่เป็นระยะ เพื่อให้เขาฉกตัวฉินเฟิงไปยังตำหนัก ทว่าองค์ชายเจ็ดกลับแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น และไม่สนใจท่าทางของเสี่ยวจั๋วจื่อเลยแม้แต่น้อย
องค์ชายเจ็ดประสานมือไปทางฉินเฟิง
ฉากนี้สร้างความฉงนให้กับเสี่ยวจั๋วจื่อ รวมถึงทหารรักษาพระราชวังรอบ ๆ ให้ต้องขมวดคิ้ว
องค์ชายผู้ยิ่งใหญ่จะทำความเคารพฟ้า สักการะดิน คำนับฮ่องเต้และผู้มีเกียรติเท่านั้น
นอกเหนือจากนั้นยังจะมีผู้ใดคู่ควรแก่การได้รับการคำนับจากองค์ชายอีก
หากการกระทำเช่นนี้เกิดขึ้นกับผู้อื่น คนคนนั้นคงจะปลาบปลื้มจนตัวสั่น รีบน้อมรับและคำนับตอบ แต่ฉินเฟิงกลับเชิดหน้าขึ้นราวกับเขาสมควรได้รับการกระทำเช่นนี้อยู่แล้ว
ช่างน่าโกรธจริง ๆ!
องค์ชายเจ็ดมิได้แยแสในความเย่อหยิ่งของฉินเฟิง บนใบหน้ายังคงปรากฏรอยแย้มจาง ๆ ไม่คลาย
“สงครามระหว่างแคว้นคราวนี้ ไม่ว่าจะเป็นแคว้นต้าเหลียงหรือเป่ยตี๋ก็มีโชคชะตาของแคว้นเป็นเดิมพัน”
“ท่านโหวฉินขับไล่กองทัพเป่ยตี๋ ปกป้องแคว้นต้าเหลียงไม่ให้เสียแผ่นดินแม้แต่คืบ นับว่ามีคุณูปการใหญ่หลวง”
“ข้าในนามตัวแทนของราษฎรต้าเหลียง ต้องขอบใจท่านจริง ๆ”
“ท่านโหวฉินกลับสู่เมืองหลวงสมควรมีการต้อนรับอย่างสมเกียรติ และสมควรได้รับการแซ่ซ้องจากราษฎร แต่กลับต้องมาประสบกับเหตุแย่งชิงราชสมบัติอันเลวร้ายเช่นนี้ ข้าในฐานะสมาชิกราชวงศ์ รู้สึกละอายต่อฟ้าดินยิ่งนัก”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ