บทที่ 599 ลานประหาร
ผู้คนมากมายมาชุมนุมกันอยู่ข้างถนน ชี้มือชี้ไม้ไปยังขบวนแห่นักโทษ ปากก็พูดคุยกันไป เสียงดังอื้ออึงไม่ขาดสาย
“ไม่คิดเลย หนิงกั๋วกงถูกส่งขึ้นแท่นประหารจริง ๆ”
“นับตั้งแต่ นับตั้งแต่หนิงกั๋วกงถูกจับกุมถึงวันนี้ เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วันเท่านั้น แต่กลับจะประหารแล้ว นี่ไม่รวดเร็วไปหน่อยหรือ?”
“เจ้าไม่รู้อะไร ฝ่าบาทต้องการให้เขาตาย แล้วเขาจะรอดได้อย่างไร”
“ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ก็น่าเสียดายนัก หนิงกั๋วกงเป็นขุนนางผู้ภักดีและกล้าหาญของต้าเหลียง กลับต้องมาจบชีวิตเช่นนี้ น่าเสียดาย ๆ”
“นี่ก็เพราะฉินเฟิงไม่ใช่หรือ!”
เหล่าขุนนางน้อยใหญ่ที่แทรกตัวอยู่ในฝูงชนมองเซี่ยปี้บนเกวียนกงขัง สายตาเยาะเย้ยเปิดเผย
โอกาสเหยียบย่ำคนตกต่ำเช่นนี้ จะปล่อยให้หลุดมือไปได้อย่างไร?
บางคนจึงตะโกนยุยงราษฎรขึ้นมา
“ยังเรียกว่า หนิงกั๋วกงได้หรือ เขาถูกถอดยศแล้ว!”
“เฮอะ เซี่ยปี้ต้องเผชิญเกราะกรรมเช่นวันนี้ ก็ต้องโทษตัวเขาเองที่ตาบอดเลือกเฟิงเอง!”
“แล้วเป็นอย่างไร ยามนี้เซี่ยปี้กำลังจะถูกตัดหัว มีผู้ใดเห็นเงาเจ้าฉินเฟิงนั่นหรือไม่!”
“เฮอะ เขายกตนว่าเป็นวีรบุรุษชายแดนเหนือ ไม่มีวันทอดทิ้งสหาย แล้วตอนนี้เขามุดหัวอยู่ที่ใด ถุ้ย!”
เหล่าขุนนางสองสามคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่ถูกกับฉินเฟิงอยู่ก่อนแล้ว ต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดนี้
“ทั้งชีวิตข้า ข้าไม่เคยเห็นคนหน้าซื่อใจคดได้เท่าเจ้าฉินเฟิงนั่นมาก่อนจริง ๆ”
“พ่อตากำลังถูกลากขึ้นแท่นประหาร แต่ไม่คิดจะโผล่หัวมาส่ง เฮ่อ ๆ”
“ที่ว่าไม่ทอดทิ้งสหาย เห็นทีจะเป็นการดีแต่ปาก!”
“ฮ่า ๆๆ เขาจะกล่ามาได้อย่างไร พอเซี่ยปี้ตาย รายต่อไปก็ต้องเป็นเขา ตอนนี้ก็คงจะมุดหัวตัวสั่น กลัวจนไม่กล้าก้าวขาแล้ว!”
ขณะนั้นเอง ขุนนางผู้หนึ่งไม่รู้ไปหาตะกร้าผักเน่า ๆ มาจากที่ใด แล้วการขว้างปาผักเน่าใส่ขบวนนักโทษเซ๊่ยปี้ก็เริ่มขึ้น
คนเดียวขว้างไม่สะใจ ก็แบ่งห้พวกอื่น ๆ ช่วยกันปาผักเน่าใส่เซี่ยปี้ เป็นการประจานและเหยียดหยามอย่างยิ่ง
ขณะขว้างปาก็ตะโกนไป
“ขุนนางชั่ว พรรคพวกคนสารเลว!”
“พวกเจ้าไม่ใช่อะไรหรอก ก็แค่สมุนรับใช้ของฉินเฟิง ไอ้โจรขายชาติ กล้าดีอย่างไรมาทรยศต้าเหลียงของข้า ไอ้เจ้าคนสมควรตาย!”
“ไอ้คนทรยศบ้านเมือง ตายไปก็ยังชดใช้ไม่พอ!”
“เฮอะ โกงกินแผ่นดิน สมคมป่ยตี๋ หรือเจ้าลืมไปแล้วว่าเป่ยตี๋ฆ่าชาวต้าเหลียงไปมากไร? เซี่ยปี้เจ้าคนสมควรตายร้อยครั้ง!”
เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ซุ่มยืนอยู่ไม่ไกล มองดูบิดาถูกด่าทอเหยียดหยามอย่างน่าสังเวช ดวงตาของนางแดงก่ำ มือหยกกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ เลือดไหลลงมาตามง่ามนิ้ว
เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์อยากจะวิ่งเข้าไปสังหารไอ้พวกเลวทรามปากกล้ามนั่นให้ตายหลายครั้ง
แต่ก็ต้องอดกลั้นเอาไว้ทุกครั้งไป
‘หากข้าไม่ข่มความโกรธ อดทนให้ดี แผนการจะพังไม่เป็นท่า’
‘ท่านพ่อ ท่านอดทนอีกเดี๋ยวเถิด ข้าจะต้องช่วยท่านพ่อแน่นอน’
ดวงเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์แดงก่ำ แต่ได้พ่ำบอกให้ตัวเองอดทนไว้ ขณะเดียวกันก็กวาดจามองสำรวจขบวนแห่นักโทษ ทั้งขบวนมีทั้งทหารรักษาพระราชวังกับองครักษ์หลวงหลายสิบคน ทั้งยังสวมเกราะแน่นหนาเต็มยศ ความหมดหวังแผ่ซ่านไปทั่วกาย
หลายวันมานี้ เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ออกจากเมืองหลวงไปพบญาติมิตรของตระกูลเซี่ยทุกคน
รวบรวมนักรบผู้กล้าได้ยี่สิบคน ที่พร้อมจะยอมสละชีพเพื่อช่วยเซี่ยปี้
แต่ว่า…
ไม่ต้องพูดถึงองครักษ์หลวง เพียงแค่ทหารรักษาพระราชวังที่สวมเกราะหนา ก็ทำให้เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์หมดหวังแล้ว
นางรู้ดี การพาคนบุกเข้าช่วยเซี่ยปี้คราวนี้ ไม่ต่างอันใดกับการวิ่งเข้าหาความตาย
“ช่างเถิด!”
“ต่อให้ต้องตาย ข้าก็จะตายเคียงข้างท่านพ่อ”
“ท่านพ่อ ลูกจะไม่ปล่อยให้ท่านเดียวดายบนเส้นทางสู่ยมโลก!”
เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์และนักรบทั้งยี่สิบคนแฝงตัวในฝูงชน ค่อย ๆ ตามรถประหารไปยังลานประหาร
ยังไม่ถึงเวลาลงมือ…
ตามธรรมเนียม องครักษ์หลวงไม่อาจอยู่นอกพระราชวังนานเกินไปได้ พวกเขาต้องกลับพระราชวังต้องห้ามหลังส่งตัวนักโทษเสร็จสิ้นแน่


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ