บทที่ 600 ฉินเฟิงมาแล้ว
ทหารรักษาพระราชวังร่างกำยำล่ำสัน จับเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์แขวน ลอยอยู่กลางอากาศ ก่อนจะลากนางไปยังแท่นประหาร
ท่านเสนาบดีกรมยุติธรรมส่ายหน้าพลางหัวเราะร่า
“ไม่เห็นหรือว่าพ่อเสือไม่มีลูกเป็นหมา เซี่ยปี้เป็นคนเฉลียวฉลาดหาผู้เทียมเทียมมิได้ แต่กลับให้กำเนิดบุตรโง่เขลาเช่นนี้ได้อย่างไร”
“รู้อยู่แก่ใจว่ามีทหารรักษาพระราชวังและองครักษ์หลวงคุ้มกันลานประหาร แต่ยังกล้าบุกเข้ามา”
“ไม่รู้ว่าควรเรียกนางว่าลูกวัวไม่กลัวเสือ หรือไม่รู้จักประมาณตน”
ขุนนางที่มาดูการประหาร นอกผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ที่เป็นผู้ตัดสิน เกือบทั้งหมดล้วนเป็นพวกพ้องของหลี่เฉียน
เมื่อได้ยินเสนาบดีกรมยุติธรรมหัวเราะเยาะเย้ย ทุกคนก็พาผสมโรง
ชั่วขณะนั้น เสียงเยาะหยันดังระงม
“ใต้เท้ากล่าวถูกต้องยิ่ง เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ต้องเสียสติไปแล้วเป็นแน่ ไม่เช่นนั้นคงไม่ทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้”
“เฮ่อ ๆ แม้แต่ฉินเฟิงยังต้องหดหัวซ่อนตัว แต่เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์กลับบุกเข้าลานประหาร ช่างน่าขันเสียจริง”
“ต่อให้ฉินเฟิงไม่กลัว แต่ถึงมาแล้วจะทำอะไรได้เล่า ฮ่า ๆ”
“พูดถูกต้อง มีทหารรักษาพระราชวังและองครักษ์หลวงอยู่ ต่อให้ฉินเฟิงมาก็เท่ากับมาตายเปล่า”
“องครักษ์ค่ายเทียนจีองอาจกล้าหาญก็จริง แต่ก็ต้องดูว่าจะสู้กับใคร เทียบกับทหารรักษาพระราชวัง จะนับเป็นอะไรได้กัน”
“หากต้องเผชิญหน้ากับองครักษ์หลวง ย่อมถูกฆ่าอย่างไม่ต้องสงสัย”
“วันนี้ต่อให้เทพเซียนลงมาเกิด ก็ไม่อาจช่วยพ่อลูกตระกูลเซี่ยได้แล้ว!”
น่าเสียดายจริง ๆ
เสนาบดีกรมยุติธรรมถอนหายใจ เขาอยากให้ฉินเฟิงบุกมายังลานประหารจริง ๆ จะได้จัดการตระกูลฉินเสียให้หมดในทีเดียว
เสี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ถูกจับมานั่งข้าง ๆ เซี่ยปี้
ครั้นมองบิดาที่ดูแก่ลงไปหลายปี เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์เจ็บปวดราวกับมีมีดกรีดใจ นางทนไม่ไหว ปล่อยน้ำตาไหลพรากออกมา
“ท่านพ่อ ลูกไม่มีความสามารถ ช่วยท่านไม่ได้”
“รอไปถึงยมโลก ลูกจะคอยรับใช้ท่านเอง จะไม่ปล่อยให้ท่านอยู่อย่างโดดเดี่ยวเด็ดขาด”
เซี่ยปี้ ผู้โด่งดังมาตลอดชีวิต ไม่ว่าจะในเมืองหลวง หรือในยุทธภพ ล้วนเป็นผู้ที่น่าเคารพยำเกรง
ตลอดชีวิตเซี่ยปี้ เขาหลั่งเลือดเพื่อแผ่นดินมานับไม่ถ้วน ไม่เคยหลั่งน้ำตาสักครั้ง ทว่ายามนี้ เขากลับร้องไห้ออกมา
“อวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าเด็กโง่”
“พ่อตายไปไม่เป็นไร เจ้ากับตระกูลฉิน รวมถึงผู้ที่ถูกหมายหัวนับพัน ๆ คน จะได้รอดพ้นจากภยันตราย”
“เจ้ามาช่วยพ่อ ไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นไปไม่ได้”
“ต่อให้เจ้าสำเร็จ จากนี้ไป พ่อลูกเราก็ต้องแบกรับตราบาป ตลอดชีวิตนี้ต้องหมดเรี่ยวแรง นอนไม่หลับกินไม่ลง”
“และตอนนี้เจ้ากลับมาสละชีวิตเปล่า ๆ”
เซี่ยปี้คาดเดาไว้แล้วว่าเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ต้องมาแน่ สุดท้ายแล้วลูกสาวก็เหมือนบิดา
เซี่ยปี้ฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ฉินเฟิง หวังว่าฉินเฟิงจะห้ามเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ ไม่ให้ทำเรื่องโง่เขลาได้
น่าเสียดาย สิ่งที่เขากลัวที่สุดเกิดขึ้นจริง ๆ
“เด็กโง่เอ๋ย แม้พ่อจะจากไปแล้ว แต่ถ้ามีฉินเฟิงคอยปกป้องเจ้า เจ้าจะสุขสบายไปชั่วชีวิต”
“ใครกันจะกล้ามารังแกเจ้าได้”
พอพูดถึงฉินเฟิง เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ก็ยิ่งเศร้าโศกจนแทบขาดใจ
“ข้ากับเขายกเลิกการหมั้นหมายกันแล้ว ข้าจะมีเหตุผลใดอยู่ที่จวนตระกูลฉินต่อไปอีกเล่า”
คำพูดนี้เหมือนมีดแทงเข้าที่หัวใจของเซี่ยปี้
เขารู้ดี เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์หยิ่งทะนงอย่างที่สุด หากนางไม่ได้แต่งเข้าตระกูลฉิน นางย่อมไม่ยอมอยู่ใต้ชายคาของผู้อื่นอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้มัวแต่กังวลไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
เรือที่แล่นไปแล้วย่อมไม่หวนกลับ วันนี้สกุลเซี่ยต้องล่มสลาย ปิดประตูตายทั้งตระกูลแล้ว
ผู้บัญชาการศาลต้าหลี่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขาชื่นชมในตัวตนของเซี่ยปี้จากก้นบึ้งของหัวใจ พวกเขาไม่เคยมีเรื่องแค้นเคืองกัน เขาย่อมไม่อยากให้พ่อลูกสกุลเซี่ยต้องถูกดูหมิ่นก่อนตาย
ผู้บัญชาการศาลต้าหลี่จึงไม่รั้งช้าอีก สั่งการให้ประหารชีวิตทันที

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ