บทที่ 601 การบดขยี้อย่างไร้ความปรานี
จอบปากนกกระสาและดาบสั้นมีพลังทำลายล้างสูง สามารถ ‘เจาะ’ ทะลุเกราะได้โดยตรง ทุกครั้งที่เจาะทะลุเกราะลงไป ก็เจาะเข้าไปในเนื้อด้วย
เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่กี่ลมหายใจ ทหารรักษาพระราชวัง ล้มลงไปนับสิบ
ไม่ต้องพูดถึงทหารแนวหน้าของฝ่ายทหารรักษาพระราชวัง เพราะทหารทั้งหมดหนึ่งร้อยคนไม่มีใครสักคนที่มีอาวุธประชิดตัวสำหรับทะลวงเกราะ
ไม่ใช่เพราะทหารรักษาพระราชวังประมาท แต่เพราะคิดว่าบนลานประหารไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะเกิดสถานการณ์ต่อสู้ระหว่างกองทัพ
ส่วนการรับมือกับโจรตัวเล็กตัวน้อย ใช้แค่แหลนกับธนูก็เพียงพอแล้ว
หรือต่อให้เผชิญกับ ‘ทหาร’ ที่อาจปรากฏตัว ก็ยังสามารถใช้แหลนและจัดทัพสังหารได้
ความคิดทางยุทธวิธีเช่นนี้ถูกต้อง แต่ก็ไม่พ้นข้อครหาว่า เป็นเพียงการพูดบนกระดาษ
ทหารรักษาพระราชวังขาดประสบการณ์การต่อสู้จริง ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า เมื่อทั้งสองฝ่ายเป็นทหารเกราะหนัก และพุ่งเข้าใส่กัน สถานการณ์จะรุนแรงเพียงใด
ทหารแนวหน้าที่ถือแหลน ไม่สามารถจัดทัพได้เลย ศัตรูพุ่งใกล้เข้ามา ทว่าสหายร่วมรบด้านหลังกลับผลัก เมื่อเป็นเช่นนี้ ทหารแนวหน้าจึงถลาเข้าหาศัตรูอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
การต่อสู้ระหว่างคนจำนวนไม่มากไม่น้อย เป็นคนหลักร้อยเช่นนี้ สถานการณ์โดยรวมวุ่นวายอย่างที่สุด
โดยเฉพาะการต่อสู้ระหว่างทหารเกราะหนัก ไม่ว่ายุทธวิธีหรือกระบวนทัพใด ๆ ล้วนใช้การไม่ได้เลย
ระหว่างทั้งสองฝ่าย มีเพียงต้องปะทะกันอย่างหนักหน่วง ฝ่ายใดผลักศัตรูล้มได้ ย่อมได้เปรียบ
ฝนตกหลังคารั่ว…
ขณะที่ทหารรักษาพระราชวังกำลังต่อสู้ดิ้นรน เหตุการณ์ที่น่าสิ้นหวังยิ่งกว่าก็เกิดขึ้น
ฝ่ายทหารจากเป่ยซี นอกจากทหารแนวหน้าที่เตรียมอาวุธประชิดตัวสำหรับทะลวงเกราะมา ทหารด้านหลังก็มีเพียงครึ่งเดียวที่ถือแหลน
ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง พวกเขาถือขวานด้ามยาวและกระบองเขี้ยวหมาป่า!
เมื่อเทียบกับข้อได้เปรียบในการแทงของแหลนแล้ว ขวานด้ามยาวและกระบองเขี้ยวหมาป่า แม้จะไม่สามารถแทงได้ แต่ก็สามารถฟันและทุบได้
ทั้งสองฝ่ายเบียดเสียดกันเป็นกลุ่มก้อน แหลนไม่สามารถแทงได้อย่างเต็มที่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้อได้เปรียบของขวานด้ามยาวและกระบองเขี้ยวหมาป่าก็ปรากฏให้เห็น
หลังสับเปลี่ยนกำลังพลอย่างทันท่วงทีและมีชั้นเชิง ทหารถือแหลนถอยกลับ
แทนที่ด้วยทหารที่ถือขวานด้ามยาวกับกระบองเขี้ยวหมาป่า พวกเขาเคลื่อนไหวแปรกระบวนทัพอย่างรวดเร็ว
ภายใต้การปกป้องของทหารแถวหน้า ทหารถือขวานกับกระบองที่เข้ามาอยู่ในแถวที่สอง ก็ฟาดอาวุธในมือใส่ทหารรักษาพระราชวังอย่างบ้าคลั่ง
ทหารรักษาพระราชวังทั้งหมดสวมเกราะคออ่าง พวกเขาอาศัยความได้เปรียบของเกราะ ใช้กำลังข่มขู่เป็นนิสัย
ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับพวกโจรหรือกบฏที่สวมเกราะเบา ล้วนเหยียบย่ำได้อย่างง่ายดาย
แต่น่าเสียดาย เมื่อเผชิญหน้ากับทหารเป่ยซีที่รอดชีวิตจากสนามรบ ทหารรักษาพระราชวังก็ต้องเผชิญกับความสิ้นหวัง
แม้สวมเกราะหนักที่พวกเขาภาคภูมิใจ แต่พอเผชิญหน้ากับขวานด้ามยาวที่ฟันลงมาเหนือศีรษะ ก็เกราะคออ่างก็ดูเปราะบางไปเลย
ทุกครั้งที่ขวานด้ามยาวจามลงมา พลังมหาศาลฟันเกราะหนาทึบแยกออกได้โดยตรง
ถึงอย่างไรขวานด้ามยาวก็ยังเน้นการฟันและสับเป็นหลัก เมื่อได้รับผลกระทบจากเกราะ พลังทำลายล้างยังไม่น่ากลัวนัก
ต่างจากกระบองเขี้ยวหมาป่า ทหารรักษาพระราชวังที่เผชิญหน้ากับกระบองเขี้ยวหมาป่า เพิ่งเข้าใจแจ้มแจ้งว่าชีวิตเปราะบางเพียงใดก็คราวนี้
กระบองเขี้ยวหมาป่าขนาดใหญ่ เพียงแค่ทุบลงมา ไม่ว่าจะโดนส่วนไหน ก็เพียงพอที่จะทำให้เกราะผิดรูป
ทะลุผ่านเกราะกระแทกทุบแขน แขนย่อมหักทันที ทุบหลัง ทุบท้อง อวัยวะภายในย่อมได้รับความเสียหาย
หากโชคไม่ดี ถูกกระแทกเข้าที่ศีรษะ แม้จะมีหมวกเกราะ ก็ยังถูกทุบจนสมองแตกกระจาย
สงครามครั้งนี้วุ่นวาย แต่รวดเร็ว
เผชิญกับการโจมตีอย่างดุเดือดของทหารเป่ยซี เพียงไม่กี่ลมหายใจ ทหารรักษาพระราชวังก็ต้านทานไม่อยู่ ทิ้งศพสหายไว้กว่าสามสิบศพ ที่เหลือแตกกระเจิงอลหม่าน
ทหารเป่ยซีที่รวมตัวกันอย่างแน่นหนาไม่หยุดรุกคืบ เมื่อพบทหารรักษาพระราชวังกระจัดกระจาย ก็ตามไป

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ