บทที่ 602 องครักษ์หลวงลงมือ
ราษฎรทั้งหลายชอบเรื่องวุ่นวาย ไม่รังเกียจเรื่องใหญ่ ถึงอย่างไรท้องฟ้าก็ไม่ได้ทับพวกเขา จึงไม่ลังเลที่จะส่งแรงใจอย่างเต็มที่
ยิ่งไปกว่านั้น ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เซี่ยปี้ถูกถอดยศ จากขุนนางใหญ่ตกต่ำกลายเป็นนักโทษ ถึงขั้นถูกลากขึ้นแท่นประหารใรเวลาไม่กี่วัน
ไม่ว่าจะมองในแง่ความรู้สึกหรือเหตุผล สิ่งนี้ล้วนไม่เป็นธรรมและผิดธรรมเนียม
ราษฎรทั้งหลายมีความคับแค้นใจอยู่แล้ว เพียงแต่กล้าโกรธ แต่ไม่กล้าพูด
สุดท้ายแล้ว แม้แต่ขุนนางใหญ่อย่างเซี่ยปี้ก็ยังจะถูกฆ่าง่าย ๆ
แล้วชีวิตของราษฎรธรรมดาอย่างพวกเขาจะอยู่ในสายตาของราชวงศ์หลี่ได้อย่างไร
บัดนี้ฉินเฟิงนำทัพบุกเข้ามาในลานประหาร แม้ไม่มีใครกล้าส่งเสียงชื่นชมต่อหน้า แต่ชาวบ้านก็ล้วนตื่นเต้น
เสียงตะโกนดังขึ้น
พริบตา สายตาทุกคู่ก็มองไปยังทิศทางเดียวกัน…
ฉินเฟิงไม่สนใจทหารรักษาพระราชวังที่กำลังแตกกระเจิง ขี่ม้ากระโดดข้ามรั้ว พุ่งตรงไปยังรั้วชั้นที่สอง
รั้วชั้นที่สองมีทหารรักษาพระราชวังสิบคนและเจ้าหน้าที่กองปราบของศาลต้าหลี่ห้าสิบคนคุมเชิงอยู่
เผชิญกับแนวป้องกันที่จัดตั้งขึ้นอย่างรีบร้อนของทหารหกสิบคน ฉินเฟิงไม่ลังเลเลย ควบม้าทะยาน พร้อมกันนั้นก็แทงแหลนใส่ทหารรักษาพระราชวังตรงหน้า
ด้วยแรงของม้า ปลายแหลนคมกริบแทงทะลุเกราะและทะลวงอกของทหารรักษาพระราชวังได้ไม่ยาก
แม้ฉินเฟิงจะไม่มีพละกำลังน่าสะพรึงกลัวเหมือนจ้าวอวี้หลงหรือสวีโม่ ไม่สามารถใช้มือข้างเดียวยกทหารรักษาพระราชวังที่มีน้ำหนักรวมเกราะกว่าสองร้อยชั่งขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
แต่เขาก็ใช้ขาทั้งสองข้างบีบท้องม้า ใช้มือทั้งสองข้างกำแหลน พยายามยกทหารรักษาพระราชวังคนนั้นขึ้นอย่างยากลำบาก แล้วนายน้อยฉินก็ออกแรงเหวี่ยงทหารคนนั้นไปด้านข้าง กระแทกทหารรักษาพระราชวังอีกสามคนล้มไปด้วยกัน
ทหารรักษาพระราชวังและเหล่ามือปราบที่เหลือรีบบังคับม้า กระชับหอกในมืด เข้าล้อมฉินเฟิง
ฉินเฟิงใช้หอกปัดป้องหอกที่พุ่งเข้ามาจากด้านหน้า ล้วฉวยโอกาสหันกลับ ตะบึงม้าวิ่งไปตามรั้วชั้นที่สอง
ทหารรักษาพระราชวังและมือปราบศาลต้าหลี่ล่ตามไม่ทัน ครั้นทิ้งระยะห่างได้ ฉินเฟิงก็จะหันหัวม้ากลับมา ค่อย ๆ บีบเข้าใกล้ทหารรักษาพระราชวัง อาศัยความได้เปรียบของความยาวหอก แทงฆ่าได้โดยตรง!
พอฆ่าไปหนึ่งคน ฉินเฟิงก็ไม่ได้ชะล่าใจ รีบถอยหนีทันที
ฉินเฟิงแทงทหารรักษาพระราชวังตายต่อเนื่องไปสามคน ทหารรักษาพระราชวังกับมือปราบศาลต้าหลี่ที่เหลือพอจะจับทางได้ พวกเขาไม่บุ่มบ่ามไล่ตามฉินเฟิงอีก แต่ตั้งรูปขบวนหนาแน่นรออยู่กับที่
ด้านนอกใช้หอกป้องกัน ส่วนคนด้านในก็เอาธนูออกมา เตรียมยิงฉินเฟิง
ทหารรักษาพระราชวังคนหนึ่ง ขณะดึงลูกธนูก็ตะโกนเสียงดัง
“ฉินเฟิง! วันนี้ไม่ใช่เจ้าตาย ก็ข้าตาย!”
“หากไม่ลงโทษเจ้า ข้าในฐานะทหารรักษาพระราชวังจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด!”
“คนแซ่ฉิน ความแค้นระหว่างทหารรักษาพระราชวังกับองครักษ์ค่ายเทียนจี วันนี้มาจบกันให้รู้แล้วรู้รอด!”
ได้ยินเสียงตะโกนของทหารรักษาพระราชวัง ฉินเฟิงกระโดดลงจากหลังม้า ทิ้งหอกยาวไป หยิบธนูจากอานม้ามา
ขณะเดินไปหาทหารรักษาพระราชวัง ก็หัวเราะเย็นชา “พวกเจ้าคู่ควรจะเป็นคู่ต่อสู้ขององครักษ์ค่ายเทียนจีหรือ? ช่างน่าขัน!”
“ฆ่าไก่จะต้องใช้มีดฆ่าวัวไปทำไม?”
คำพูดคมยิ่งกว่าคมมีด ทำลายจิตใจและฆ่าคนได้นี้ ทำให้ทหารรักษาพระราชวังโกรธจัด
เสียงคำรามดังก้องลานประหาร
“ฉินเฟิง! ข้าจะรอดูว่า เจ้าจะเหิมเกริมไปได้ถึงเมื่อไหร่!”
สิ้นเสียง ทหารรักษาพระราชวัง พร้อมด้วยเหล่ามือปราบของศาลต้าหลี่สิบกว่าคน ต่างพากันยิงธนูใส่ฉินเฟิง
ฉินเฟิงไม่หลบแม้แต่น้อย!
ทหารรักษาพระราชวังไม่ได้ติดตั้งหัวธนูเจาะเกราะ
ธนูที่ยิงใส่ตัวฉินเฟิงไม่หยุด เกือบทุกลูกปักอยู่บนเกราะ
แต่ก็เพียงผิวเกราะเท่านั้น แม้ฉินเฟิงจะรู้สึกได้ถึงความแหลมคมของหัวธนูอย่างชัดเจน
แต่หัวธนูที่แคบด้านหน้ากว้างด้านหลัง ก็ถูกเกราะหยุดไว้ทั้งหมด
ฉินเฟิงยกคันธนู เตรียมโต้กลับทหารรักษาพระราชวัง เขายิงธนูที่มีหัวเหมือนเข็มเหล็กออกไป ลูกธนูทะลวงเกราะหนาของทหารรักษาพระราชวังได้ในครั้งเดียว
ระหว่างสงครามกับเป่ยตี๋ ฉินเฟิงติดนิสัยหนึ่งมาด้วย ไม่ว่าหัวธนูจะเป็นแบบใด เขาจะทาด้วยสิ่งสกปรกหลายอย่างต่างๆ


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ