บทที่ 644 การต่อสู้ของสามฝ่าย
แทบจะทันทีที่คำพูดของหลิ่วหมิงจบลง ลูกศรดอกหนึ่งพุ่งออกมาจากพุ่มหญ้า ปักเข้าที่คอของนักฆ่าป้ายหยก
นักฆ่าป้ายหยกกุมคอที่เลือดไหลออกมาอย่างไม่หยุด ก้าวโซเซไปอีกหลายก้าว
เขายังไม่ล้มลงพื้น
แหลนเล่มหนึ่งก็พุ่งเข้ามา ตอกนักฆ่าป้ายหยกติดกับพื้น
หลิ่วหมิงที่ยืนบนกำแพงเมืองสูดปาก ท่าทางเหมือน ‘กลัวเหลือเกิน’
“ข้าบอกเจ้าแล้วว่าอย่าวิ่งหนี ไหนเลยจะมีผู้ใดคิดเอาตัวเข้าปากเสือเช่นนี้”
องครักษ์ค่ายเทียนจีที่ซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้า ลุกขึ้นแทงนักฆ่าป้ายหยกซ้ำ แล้วลากตัวไป
หลิ่วหมิงลูบแขนตัวเองพลางส่ายหน้ากล่าวเบา ๆ “พวกเขาน่ากลัวราวกับสัตว์ประหลาด”
“สมกับเป็นองครักษ์ค่ายเทียนจีที่นายน้อยฉินเฟิงฝึกฝนมากับมือจริง ๆ”
หลิ่วหมิงไม่สนใจนักฆ่าสมาคมรายนามสวรรค์อีก
เขาเหลือบหางตามองจ้าวจ่าน
จ้าวจ่านหน้าซีดเผือด ตัวสั่นเทิ้ม
พอสบตากับหลิ่วหมิง ขาทั้งสองข้างก็อ่อนระทวย ทรุดตัวลงคุกเข่า
หลิ่วหมิงเอามือไพล่หลัง เดินเข้าหาจ้าวจ่านที่อยู่เบื้องหน้า
ริมฝีปากเหยียดยิ้มชั่วร้ายน่าขนลุก
เขาไม่สนใจจ้าวจ่าน มือคว้าเข้าที่คอบ่าวรับใช้ข้างกายจ้าวจ่าน
หลิ่วหมิงยกตัวบ่าวรับใช้ขึ้นกลางอากาศ ออกแรงบีบที่มือ แล้วยืนบ่าวรับใช้ออกไปนอกกำแพง
แล้วปล่อยมือ
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น บ่าวรับใช้ตระกูลจ้าวร่วงกระแทก ตายคาที่
จ้าวจ่านตัวสั่น มององครักษ์เสื้อแพรที่ฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น หัวใจบีบรัด หวาดกลัวจนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
หลิ่วหมิงไพล่มือกลับไปด้านหลัง เดินวนรอบตัวจ้าวจ่านพลางส่ายหน้า กล่าวอย่างประหลาดใจว่า “คุณชายรองจ้าว ท่านก็มิได้มีสามหัวหกแขน…”
“ข้าคิดไม่ออกจริง ๆ ใครให้ความกล้าท่าน ถึงได้คิดสังหารนายน้อยของเรา!”
“ใต้ฟ้านี้คนที่อยากฆ่านายน้อยฉินมีมากนัก”
“ไม่ว่าจะเป็นฮ่องเต้แคว้นเป่ยตี๋ ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียง คนตระกูลหลิน ตระกูลใหญ่ทางแดนใต้ ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ เพียงกระทืบเท้าแผ่นดินก็สะเทือน”
“ไม่ว่านายน้อยจะไปที่ใด ย่อมมีองครักษ์เสื้อแพรติดตามคุ้มกันไม่ต่ำกว่าสามสิบนาย”
“มากที่สุดก็ราวร้อยแปดสิบคน”
“ท่านคิดอย่างไร ถึงอยากจะเล่นกับนายน้อยของเรา?”
เผชิญหน้ากับการล้อเลียนเยาะเย้ยของหลิ่วหมิง
จ้าวจ่านไม่กล้ตอบ เพียงคุกเข่าตัวสั่นงันงกอยู่บนพื้น
ตอนนี้เขาเพิ่งเข้าใจความแตกต่างระหว่างตระกูลจ้าวกับตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจจริง ๆ
จ้าวจ่านตระหนักได้แล้วว่า สิ่งโง่เขลาที่สุดที่ได้กระทำในชีวิตนี้ก็คือ การคิดลอบกัดฉินเฟิง
“โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ”
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน จ้าวจ่านถึงรวบรวมความกล้าเอ่ยปาก กระนั้น เสียงก็ยังเบาหวิวราวเสียงยุงบิน
หลิ่วหมิงยกยิ้ม ดวงตาแฝงความโหดเหี้ยม
“ไม่ได้ ๆ”
“หัวหน้าโม่หลีเคยบอกว่า นายน้อยฉินมีใจเมตตานัก แม้จะกรำศึกอยู่ในสนามรบกับกองทัพเป่ยตี๋อย่างห้าวหาญ”
“แต่กลับไม่ชอบการเข่นฆ่า”
“งานสกปรกแบบนี้เลยจำเป็นต้องมีคนจัดการให้”
“การกำจัดขยะอย่างเจ้าให้พ้นสายตา ย่อมดีกว่าปล่อยให้เจ้าคอยกวนใจนายน้อย”
หลิ่วหมิงยื่นมือออกไป
คว้าคอจ้าวจ่านยกลอยขึ้น แล้วค่อย ๆ เดินไปขอบกำแพง
จ้าวจ่านกลัวจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง รู้สึกเย็นเยียบไปทั่วร่าง จะมีก็แต่งกว่างขาที่อุ่นวาบ เขาปัสสาวะราดเสียแล้ว
ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต จ้าวจ่านเข้าใจความจริงอันโหดร้ายข้อหนึ่ง
ยิ่งมีอำนาจ มือก็ยิ่งแปดเปื้อน
ฉินเฟิงเป็นส้รางคลื่นลมฝนในต้าเหลียงได้ ไม่ใช่เพราะความใจดีของเขาแน่นอน

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ